เช็ก 4 สัญญาณเตือน อาการโรคเบาหวานระยะแรก แชร์วิธีตรวจคัดกรองด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน แนะแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยเป็นโรคเบาหวาน และผู้ป่วยจำนวนมากมักจะไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้ ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับอาการโรคเบาหวานระยะแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
โรงพยาบาลธนบุรี ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานไว้ว่า เบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเซลล์ในร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้น้ำตาลไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ได้ตามปกติ
กลไกการเกิดโรคเบาหวาน ในภาวะปกติ เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะย่อยอาหารให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นตับอ่อนจะผลิตฮอร์โมนอินซูลินเพื่อนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ แต่ในผู้ที่เป็นเบาหวาน กระบวนการนี้จะเกิดความผิดปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาการโรคเบาหวานระยะแรก
สัญญาณเตือน อาการโรคเบาหวานระยะแรกที่พบบ่อย การตรวจเบาหวานด้วยตัวเองในเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการสังเกตอาการต่างๆ ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคได้ โดย 4 สัญญาณเตือนว่าเราอาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานระยะแรกนั้น มีดังนี้
1.อาการกระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ร่างกายจะพยายามกำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ ทำให้รู้สึกกระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน การสังเกตความถี่ในการปัสสาวะจึงเป็นวิธีหนึ่งในการตรวจเบาหวานด้วยตัวเอง
2.น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ในผู้ที่มีอาการโรคเบาหวานระยะแรก อาจสังเกตพบว่าน้ำหนักลดลงทั้งที่ไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ จึงต้องสลายไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน
3.อ่อนเพลียและง่วงนอนผิดปกติ ความอ่อนเพลียเป็นหนึ่งในอาการโรคเบาหวานระยะแรกที่พบได้บ่อย เนื่องจากเซลล์ไม่ได้รับน้ำตาลเพียงพอที่จะนำไปใช้เป็นพลังงาน ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและง่วงนอนผิดปกติ
4.แผลหายช้าและติดเชื้อง่าย ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การมีอาการโรคเบาหวานระยะแรกอาจทำให้สังเกตเห็นว่าแผลหายช้ากว่าปกติ หรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังและเท้า
การตรวจคัดกรองเบาหวานด้วยตนเอง การเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองอาการโรคเบาหวานระยะแรกด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ที่บ้าน การตรวจเบาหวานด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราสามารถพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งมีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้
1.การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องตรวจ การใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้านเป็นวิธีที่แม่นยำ โดยควรทราบค่ามาตรฐานดังนี้
- ค่าน้ำตาลขณะอดอาหาร : 70-100 mg/dL
- ค่าน้ำตาลหลังอาหาร 2 ชั่วโมง : ไม่เกิน 140 mg/dL
- ค่า HbA1c : ไม่เกิน 5.7%
2.การสังเกตอาการทางร่างกาย นอกจากการตรวจวัดระดับน้ำตาลแล้ว การสังเกตร่างกายก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยอาการเสี่ยงที่ควรสังเกต ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว
- ความถี่ในการปัสสาวะ
- อาการกระหายน้ำผิดปกติ
- ความอ่อนเพลีย
- แผลที่หายช้าผิดปกติ
3.การประเมินความเสี่ยงด้วยแบบคัดกรอง มีแบบประเมินความเสี่ยงเบาหวานที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยพิจารณาจาก :
- อายุ
- ดัชนีมวลกาย
- รอบเอว
- ประวัติครอบครัว
- ระดับความดันโลหิต
- การออกกำลังกาย
4.การตรวจปัสสาวะด้วยแถบตรวจ แถบตรวจปัสสาวะสามารถบ่งชี้การมีน้ำตาลในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งของอาการโรคเบาหวานระยะแรก
- ควรตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน
- หลีกเลี่ยงการตรวจระหว่างมีประจำเดือน
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนเก็บปัสสาวะ
- อ่านผลตามเวลาที่ระบุบนกล่องอย่างเคร่งครัด
5.การจดบันทึกข้อมูลสุขภาพ การทำบันทึกข้อมูลสุขภาพประจำวันจะช่วยให้เห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อมูลที่ควรบันทึก ได้แก่
- ระดับน้ำตาลในเลือด
- อาหารที่รับประทาน
- การออกกำลังกาย
- น้ำหนักตัว
- อาการผิดปกติต่างๆ
6.การประเมินรูปแบบการใช้ชีวิต การประเมินวิถีชีวิตประจำวันจะช่วยบ่งชี้ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน โดยควรพิจารณาจาก
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
- ระดับการออกกำลังกาย
- ความเครียด
- คุณภาพการนอน
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การตรวจคัดกรองด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการปรึกษาแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ จะช่วยให้สามารถควบคุมและป้องกันอาการโรคเบาหวานระยะแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง การรู้จักปัจจัยเสี่ยงจะช่วยให้เราเฝ้าระวังอาการโรคเบาหวานระยะแรกได้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการนำไปสู่โรคเบาหวานระยะแรก มีดังนี้
- พันธุกรรมและประวัติครอบครัว ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการโรคเบาหวานระยะแรกอย่างสม่ำเสมอ
- น้ำหนักเกินและการขาดการออกกำลังกาย ภาวะน้ำหนักเกินและการขาดการออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน การควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีป้องกันเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ
วิธีป้องกันเบาหวานที่ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ การป้องกันดีกว่าการรักษา โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงอาการโรคเบาหวานระยะแรก ซึ่งวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพนั้น มีแนวทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
- การควบคุมอาหาร การเลือกรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ ลดอาหารหวานและแป้ง เพิ่มการรับประทานผักและโปรตีน จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
- การพักผ่อนที่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอมีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันอาการโรคเบาหวานระยะแรก
เมื่อไรควรพบแพทย์ การสังเกตอาการโรคเบาหวานระยะแรกด้วยตนเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่มีบางกรณีที่ควรรีบพบแพทย์ทันที หากพบอาการดังต่อไปนี้
- มีอาการหลายอย่างที่กล่าวมาข้างต้นร่วมกัน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 126 mg/dL ขณะอดอาหาร
- มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวานและเริ่มมีอาการผิดปกติ
การดูแลตนเองเมื่อพบความเสี่ยง หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงหรือเริ่มมีอาการโรคเบาหวานระยะแรก ควรปฏิบัติดังนี้
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
- เพิ่มการออกกำลังกาย
- ลดความเครียด
- พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
การรู้เท่าทันอาการโรคเบาหวานระยะแรกเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันและควบคุมโรค การสังเกตอาการผิดปกติ การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ขอบคุณที่มา : โรงพยาบาลธนบุรี