Thai E-League Pro – กำลังจะเปิดฉาก 24 พ.ย. นี้

นายนพชัย หวังรักษ์ ฝ่ายจัดการแข่งขันอีสปอร์ต รายการ Thai E-League Pro (ไทย อี-ลีกโปร) ซึ่งเป็นการแข่งขันเกม Pro Evolution Soccer หรือ PES ของเหล่าบรรดาสโมสรในไทยลีก ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นเรื่องทีมที่แต่ละสโมสรจะใช้งานในการชิงชัยและความเหลื่อมล้ำเรื่องค่าพลัง ว่า ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้ใช้ระบบมาตรฐานของทางโคนามิ บริษัทแม่ของตัวเกม

Thai E-League Pro

นายนพชัย กล่าวว่า “สำหรับการแข่งขัน Thai E-League Pro ทุกสโมสรจะใช้ทีมของตัวเองในการทำการแข่งขัน แต่เรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นจะไม่มี เพราะในช่วงทัวร์นาเมนต์ของเรา ทางโคนามิ ได้มีการใช้ระบบเฉลี่ยค่าพลังของทุกทีมให้เท่ากัน ซึ่งจะแตกต่างกับตัวเกมปกติ โดยคาดว่าค่าพลังของแต่ละทีมในรายการนี้น่าจะอยู่ราว 70-85 ทุกทีม ขณะที่ทีมเชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งสโมสรสมาชิกซึ่งแพทช์ล่าสุดยังไม่มีทีมของพวกเขา ทางโคนามิจะมีการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ในช่วงการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่จะมีการปล่อยตัวทีมเชียงใหม่สู่ตัวเกมจริงในช่วงต้นปีหน้า”

“สำหรับช่องทางการติดตามการแข่งขัน เราจะแข่งกันทุกเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 24 พ.ย. – 27 ม.ค. ในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะคัดให้เหลือ 10 ทีม จาก 16 ทีม เข้าไปแข่งขันในรอบน็อกเอาต์ต่อไป โดยแฟนๆสามารถติดตามชมถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทางเฟซบุ๊กและยูทูปของThai E-League Pro รวมถึงอาจจะมีการถ่ายทอดสดทางเพจช้างศึก นอกจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ด้วย 1 ช่อง โดยช่องทางนี้จะถ่ายทอดสด 1 คู่ รวมเวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะถ่ายทอดสดทางช่องไหน” นายนพชัย กล่าวทิ้งท้าย

Thai E-League Pro

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ได้มีการจับสลากแบ่งสายออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยฝ่ายจัดการแข่งขันได้แบ่ง 16 ทีม ประกอบด้วย เชียงราย ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิลล์, นครราชสีมา เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี, ราชนาวี เอฟซี, การท่าเรือ, บางกอกกล๊าส, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรี เอฟซี, สุโขทัย เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, ประจวบ เอฟซี, โปลิศ เทโร เอฟซี

ออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่ม ละ 4 ทีม ซึ่งผลการจับสลากมีดังนี้








Advertisement

Thai E-League Pro

ส่วนเงื่อนไขของการแข่งขันมีดังนี้

การแบ่งกลุ่ม [Group Stage]
การจับสายในวันพรุ่งนี้นั้น จะไม่มีทีมวาง เพราะการแข่งขันในครั้งนี้ทุกทีมเริ่มนับ 1 พร้อมกัน ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ทั้ง 16 ทีมจะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมด้วยกันคือ A B C และ D ในการจับสายจะมีด้วยกัน 2 โถ คือ 1 โถสโมสร และ 2 โถกลุ่ม โดยคนจาก FA จะเป็นคนจับโถสโมสรหลังจากนั้นให้ตัวแทนของสโมสรขึ้นมาจับโถกลุ่มด้วยมือของตัวเอง เรียกได้ว่าชี้ชะตาด้วยตัวเองเลยทีเดียว สำหรับการแข่งขันในรอบนี้จะเป็นแบบพบกันหมดในแต่ละกลุ่ม และพบกันทีมละ 2 Match
———————————————————————————————–
การนับคะแนนรอบ [Group Stage]
การแข่งขันในรอบนี้จะเป็นแบบพบกันหมด แต่ละทีมต้องเจอกัน 2 Match โดยแต่ละ Match นั้นจะพบกัน 3 เกมคือ 1vs1 / 3vs3 และ 1vs1 ผลการแข่งขันในรอบนี้จะออกได้ 3 หน้าคือชนะ / แพ้ หรือ เสมอ และทุกๆ เกมที่ลงแข่งขันมีค่าทั้งหมดโดยการนับคะแนนจะคิดง่ายๆ คือใน 3 เกมที่ลงแข่งขันถ้าทีมไหนเก็บชัยชนะได้มากกว่าจะได้ทันที 3 คะแนน

แต่ถ้าแข่งแล้วผลออกมาเป็น เสมอกันทุกเกม หรือ ชนะคนละ 1 เกม และเสมอ 1 เกม ในกรณีนี้จะแบ่งไปทีมละ 1 คะแนน

ส่วนทีมที่แพ้นั้นแน่นอนได้ 0 คะแนน แต่นั้นแหละอย่างที่บอกในรอบนี้แต่ละกลุ่มจะเตะทั้งหมด 12 Match ด้วยกัน สู้กันยาวๆ เลยทีเดียว
———————————————————————————————–
การตัดตัวเข้ารอบ Knockout
สำหรับการเข้าสู่รอบ Knockout จะเอาเข้าทั้งหมด 10 ทีม โดยแบ่งออกเป็น 2 เงื่อนไขด้วยกันดังนี้

1. อันดับที่ 1 และ 2 ของทั้งกลุ่ม A B C และ D จะได้สิทธิ์เข้าสู่รอบ Knockout ทันที
2. ทีมแนดับที่ 3 ของแต่ละกลุ่มยังมีโอกาสลุ้นได้ไปต่อ โดยจะต้องมาเล่น Play off เพื่อหา 2 ทีมที่ดีที่สุดเข้าสู้รอบ Knockout

จากทั้ง 2 เงื่อนไขเราก็จะได้ 10 ทีมที่จะไปเจอกันในรอบสุดท้าย ส่วนถ้าถามว่าใครจะได้เจอใครนั้นเราจะใช้ระบบสุ่มประกบคู่ออกมา

ทั้งนี้การแข่งขันแมตช์แรกจะประเดิมดวลทักษะกันในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ที่เอสพลานาด รัชดา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน