เมื่อพูดถึงศึกฟุตบอลโลก หลายคนน่าจะเห็นภาพของการฟาดแข้งในสนามอันดุเดือดเร้าใจ และมิตรภาพของนักรบลูกหนังที่สวยงาม

แต่ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป จากการแข่งขันตลอด 21 ครั้งที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ฉาวโฉ่เป็นจุดด่างพร้อยให้พูดถึงกันจนปัจจุบันนี้ไม่น้อยเช่นกัน

เรามาย้อนดูกันว่าเหตุฉาวตลอดกาลในฟุตบอลโลก มีเรื่องอะไรกันบ้าง

10. สมรภูมิซานติอาโก (ชิลี 1962)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกมรอบแบ่งกลุ่มระหว่างเจ้าภาพชิลีพบกับอิตาลี ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “Battle of Santiago”

ชนวนของเหตุนี้เริ่มจากนักข่าวอิตาเลียน 2 คนอย่าง อันโตนิโอ กิเรลลี และคอร์ราโด ปิซซิเนลลี เขียนบทความดูถูกประเทศชิลีอย่างไม่มีชิ้นดี

ต่อมาทางสื่อของชิลีได้ตอบโต้ด้วยการนำแง่ลบของประเทศอิตาลีมาเขียนเหยียดหยามบ้าง

ดังนั้นบรรยากาศจึงคุกรุ่นมาตั้งแต่เกมยังไม่ทันจะเริ่มด้วยซ้ำ

แล้วเมื่อเกมเริ่มขึ้นทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม จอร์โจ แฟร์รินี ของอิตาลี เข้าทำฟาวล์คู่แข่งตั้งแต่เริ่มเกมได้แค่ 12 วินาที จากนั้นเกมมาถึงนาที 12 แฟร์รินีก็ถูกไล่ออกจากสนามหลังทำฟาวล์น่าเกลียดใส่ โอโนริโอ ลันดา

ทว่าแฟร์รินีกลับไม่ยอมออกจากสนามจนตำรวจต้องมาคุมตัว ซึ่งในขณะนั้นลันดาเอาคืนด้วยการชกใส่แฟร์รินีบ้าง แต่ผู้ตัดสินอย่าง เคน แอสตัน จากอังกฤษ กลับไม่ไล่แข้งเจ้าภาพออกจากสนามด้วย

จากนั้นเกมยิ่งทวีความดุเดือด เลโอเนล ซานเชซ ของชิลี ไปชกใส่ มาริโอ ดาวิด ของอิตาลี แต่ผู้ตัดสินไม่ลงโทษอะไร ดาวิดจึงพยายามแก้แค้นด้วยตัวเอง และมาโดนไล่ออกนาที 41 ฐานเจตนาเตะเข้าศีรษะของซานเชซ

ซานเชซยังเพิ่มความเดือดของเกมนี้ด้วยการไปต่อย ฮุมแบร์โต มาสคิโอ จนดั้งจมูกหัก แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ลงโทษอีก จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็มีเหตุการณ์ชกต่อยและถ่มน้ำลายใส่กันต่อเนื่อง ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลงมาระงับเหตุอีกถึง 3 ครั้ง ก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของชิลี 2-0

9. บาต์ติสตงเกือบตาย (สเปน 1982)

เกมรอบรองชนะเลิศคู่ระหว่างเยอรมันตะวันตกพบฝรั่งเศส เกิดการทำฟาวล์ที่อาจเรียกว่าน่าเกลียดที่สุดตลอดกาล

ระหว่างที่ทั้งคู่เสมอกันอยู่ 1-1 ฝรั่งเศสสบโอกาสวางบอลให้ ปาทริค บาต์ติสตง หลุดเข้าพื้นที่ว่างไปเผชิญหน้ากับนายทวาร แล้วยิงออกหลังไปเอง

ทว่าจังหวะที่เผชิญหน้ากันนั้น ฮาราลด์ โทนี ชูมัคเกอร์ นายทวารเยอรมันตะวันตก ที่รีบพุ่งออกมาหวังปิดมุม แต่เจ้าตัวกลับกระโดดเอาด้านข้างปะทะเข้าใส่บาต์ติสตงแบบเต็มๆ

จากผลการกระแทกนั้น ทำให้บาต์ติสตงถึงกับสลบเหมือด, ฟันหัก (สื่อบางรายบอก 2 ซี่ บางรายบอก 3 ซี่), ซี่โครงหัก 3 ซี่ และบาดเจ็บกระดูกสันหลัง แต่เสียงวิจารณ์หนักเห็นจะเป็นเรื่องที่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกตั้งเตะจากประตู โดยไม่ลงโทษอะไรชูมัคเกอร์เลย

เกมคู่นี้ต่อเวลาแล้วยังจบด้วยผล 3-3 สุดท้ายต้องดวลจุดโทษตัดสินกัน เป็นเยอรมนีชนะไป 5-4 ชูมัคเกอร์เซฟได้ถึง 2 จุดโทษ

8. กิฆอนอัปยศ (สเปน 1982)

ก่อนหน้าที่ ฮาราลด์ โทนี ชูมัคเกอร์ จะทำฟาวล์น่าเกลียดตลอดกาล เยอรมันตะวันตกยังมีอีกประเด็นฉาวในฟุตบอลโลกครั้งนี้

ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มที่ 2 เยอรมันตะวันตก, ออสเตรีย และแอลจีเรีย กำลังชิงเข้ารอบกัน 2 ทีม โดยมีไม้ประดับเป็นชิลีที่คอยแจกแต้ม

สถานการณ์ก่อนนัดสุดท้าย ออสเตรียชนะ 2 นัดรวด เก็บไป 4 คะแนนเต็ม ส่วนเยอรมันตะวันตกกับแอลจีเรียมีทีมละ 2 แต้ม โดยนัดที่ทั้งคู่เจอกันนั้นแอลจีเรียพลิกล็อกชนะ 2-1

นัดสุดท้ายแอลจีเรียเจอกับชิลี เป็นทีมจากทวีปแอฟริกาชนะไป 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนนจาก 3 นัด
จากนั้นคู่เยอรมันตะวันตกกับออสเตรียต้องมาแข่งกันในวันถัดไป โดยสถานการณ์ตอนนั้นเยอรมันตะวันตกต้องชนะสถานเดียวถึงจะเข้ารอบ ขณะที่ออสเตรียแพ้ได้ไม่เกิน 2 ประตู

เกมนี้ซึ่งเตะกันที่เมืองกิฆอน เยอรมันตะวันตกขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 10 นาทีแรก แต่จากนั้นรูปเกมกลายเป็นทั้งคู่เคาะบอลกันไปมาเหมือนรอให้เกมจบ สุดท้ายเยอรมันตะวันตกชนะ 1-0 กอดคอเข้ารอบทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม แฟนบอลทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่พอใจในรูปเกมอย่างมาก ถึงกับมีการเผาธงชาติกันในสนาม พร้อมกับเสียงครหาว่าทั้งคู่ซูเอี๋ยให้กันด้วยความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง

เวลาต่อมา แอลจีเรียยื่นหนังสือประท้วงต่อฟีฟ่าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ฟีฟ่ายังยืนยันผลแข่งขันตามเดิมเนื่องจากมองว่าไม่มีการทำผิดในด้านเทคนิค

กระนั้นได้เกิดสิ่งที่เป็นผลสืบเนื่องภายหลัง ฟีฟ่าได้ออกกฎใหม่ให้การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายของแต่ละกลุ่มต้องลงแข่งขันเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการล็อกผล โดยกฎนี้เริ่มต้นตั้งแต่ยูโร 1984 เป็นต้นมา

7. หัตถ์พระเจ้าฉบับซัวเรซ (แอฟริกาใต้ 2010)

เกมรอบก่อนรองชนะเลิศ อุรุกวัยที่เป็นอดีตแชมป์โลก 2 สมัย พบกับกานา ที่ลุ้นเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนแรกในประวัติศาสตร์

ทั้งคู่กินกันไม่ลงในเวลา 90 นาที และรวมถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ กระทั่งนาที 120 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น

กานาสบโอกาสชุลมุนหน้าประตูอุรุกวัย จังหวะแรกสับไกยิงติด หลุยส์ ซัวเรซ ที่คุมเส้นอยู่ บอลยังมาเข้าทาง โดมินิก อาดิเยียห์ โหม่งซ้ำชนิดที่ต้องเข้าแน่นอนแล้ว

แต่ซัวเรซที่ยังอยู่บนเส้นประตูและหมดสิทธิ์บล็อกแล้ว ยอมจำแลงกายเป็นซาตานด้วยการเจตนายกมือปัดบอลไม่ให้เข้าสู่ก้นตาข่าย

แน่นอนว่าซัวเรซต้องโดนใบแดงในจังหวะนั้น พร้อมเสียจุดโทษให้กานา ด้วยความหวังริบหรี่ว่าอีกฝ่ายอาจจะสังหารไม่เข้า

ซึ่งการสละชีพของซัวเรซสัมฤทธิ์ผลจริงๆ อซาโมอาห์ กียาน รับหน้าที่ยิงไปชนคานเต็มๆ ทำให้จบเกมเสมอกัน 1-1 ต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่อุรุกวัยจะชนะไป 4-2

ทั้งนี้จะโทษว่าซัวเรซเป็นจอมวายร้ายเพียงผู้เดียวก็คงไม่ถูกนัก เพราะในจังหวะนั้นเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้กันอย่าง ฆอร์เก ฟูซิเล ก็ยืดมือขึ้นเพื่อจะปัดบอลเช่นกัน แต่เผอิญปัดไม่โดนจนหลุดถึงหัวหอกจอมฉาวต้องรับบาปไปดังกล่าว

6. โรนัลโดกับดรามานัดชิงดำ (ฝรั่งเศส 1998)

เจ้าภาพฝรั่งเศสที่กำลังลุ้นแชมป์โลกหนแรกในประวัติศาสตร์ โคจรมาชิงชนะเลิศกับบราซิล แชมป์โลก 4 สมัย

ดาวเด่นที่ทุกคนจับตาในเวลานั้นหนีไม่พ้น “โล้นทองคำ”โรนัลโด ยอดดาวยิงอดีตนักเตะหมายเลข 1 ของโลก

แต่ก่อนที่เกมชิงโทรฟี่จะเริ่มขึ้นไม่กี่ชั่วโมง รายชื่อของนักเตะปรากฏว่าโรนัลโดไม่ได้เป็นตัวจริง โดยในตำแหน่งกองหน้านั้น เอ็ดมุนโด ลงเล่นแทน

ทว่าดรามายังไม่จบง่ายๆ ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก่อนแข่งขัน โรนัลโดกลับมามีชื่อเป็นตัวจริงอีกครั้ง พร้อมกับที่เอ็ดมุนโดต้องไปเป็นตัวสำรองด้วยความโกรธเกรี้ยว

เกมนี้โรนัลโดไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับทีมชาติฝรั่งเศสได้เลย สุดท้ายเจ้าภาพชนะขาดลอย 3-0 พร้อมคว้าแชมป์โลกไปครองหนแรกดังใจหวัง

เรื่องนี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์นานาว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บ้างก็ว่าโรนัลโดมีอาการบาดเจ็บแต่ทีมยังตัดสินใจเข็นลง บ้างก็ว่าเกิดอาการป่วยประหลาด ขณะที่เอ็ดมุนโดแฉสปอนเซอร์อย่างไนกี้เป็นผู้บีบทีมให้ส่งโรนัลโดลงสนามให้ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน