หลังจาก“ช้างศึก”ทีมชาติไทย บุกไปชนะเมียนมา 2-0 ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ธุวันนา สเตเดี้ยม นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. และเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เพื่อเตรียมทำศึกรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 กับเมียนมา วันที่ 8 ธ.ค. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด

img_20161206_161034

ล่าสุดเมื่อ 6 ธ.ค. “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชช้างศึก นำทัพนักเตะเข้าสักการะศาลหลวงศุภชลาศัย ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ จากนั้นนำลงฝึกซ้อมที่สนามเทพหัสดิน

img_20161206_160927

“ซิโก้”เผยว่า ตอนนี้สภาพความฟิตของนักเตะมีเกือบ 100 เปอร์เซนต์แล้ว ไม่มีใครบาดเจ็บ ตนจะจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน แม้จะชนะมาก่อน 2-0 ในนัดแรกก็ตาม แต่ยังประมาทไม่ได้ เพราะได้เห็นฟอร์มของเมียนมาแล้วว่าแข็งแกร่งและอันตราย ที่ต้องระวังคือศูนย์หน้าของเขาที่มีความเร็ว ยิ่งเกมนี้เมียนมาไม่มีอะไรจะเสียคงสู้เต็มที่และเปิดเกมรุกใส่ทีมไทยแน่นอน จึงต้องรับมือให้ดี นอกจากนั้นเมียนมายังเป็นทีมที่เข้าบอลหนัก ถ้าเขาเล่นเบาเขาจะมีปัญหาเพราะว่านักเตะไทยมีประสบการณ์และชั้นเชิงที่ดี อย่างไรก็ตามไทยผ่านเกมแรกมาแล้ว น่าจะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนแผนการเล่นของไทยในนัดที่ 2 จะเปิดเกมรุกเข้าใส่เมียนมามากกว่าในนัดแรกแน่นอน

img_20161206_160613

“สนามศุภชลาศัยเป็นสนามกีฬาแห่งชาติเก่า ซึ่งปกติทุกครั้ง นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะมากราบไว้ขอพรหลวงศุภชลาศัย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พ่อแก และพระภูมิต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของนักฟุตบอลทีมชาติไทยอยู่แล้ว ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดี ที่น้องๆนักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นใหม่ได้มาสักการะขอพร สำหรับเกมกับเมียนมา นัดที่ 2 เป็นอีกเกมที่เราต้องการชัยชนะเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ดังนั้นเรายังให้ความสำคัญ อยากพิสูจน์ให้แฟนบอลชาวไทยเห็นว่าเราอยากเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียนให้ได้ ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้เข้าสู่ความเป็นจริงแล้ว เหลือเพียงผ่านเมียนมา และเข้าไปคว้าแชมป์ในรอบชิงชนะเลิศ”

img_20161206_160510

ส่วนเรื่องที่ทีมชาติไทย มีโอกาสเป็นทีมแรกที่สร้างสถิติชนะรวดในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ นับตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบมีเจ้าภาพร่วมตั้งแต่ปี 2002 “ซิโก้” เผยว่า ไม่อยากพูดถึงสถิติ อยากให้มองไปทีละก้าวมากกว่า คงยังไม่มองไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะนักเตะเมียนมาเองก็แข็งแกร่ง นัดแรกเรามีโอกาสพลาดท่า จึงไม่อยากเอาเรื่องสถิติมาเพิ่มแรงกดดันให้กับนักเตะ ในการลงสนามแต่ละนัดทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหน้าที่และเป้าหมายของเราคืออะไร ส่วนสถิติอยากให้มองเป็นเรื่องรองลงมา

img_20161206_160249

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน