อินโดนีเซีย ได้เป็นเจ้าภาพ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ในส่วนของ มวยสากลสมัครเล่น การชิงชัยจะมีขึ้นระหว่าง 24 สิงหาคม – 1 กันยายน 2561 กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 10 รุ่น แบ่งออกเป็น มวยหญิง 3 รุ่น ชาย 7 รุ่น ไทยส่งครบ 10 รุ่นเข้าต่อตี มี สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานพัฒนาเทคนิคของสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย รับหน้าที่ดูแล รับผิดแลชอบ ออกหน้ายืดอกอย่างเต็มภาคภูมิ ผลงานออกมาดีก็ดีไป แต่หากจบไม่สวยด้วยทัวร์นาเม้นต์นี้ ตัวท่านก็พร้อมนอบรับอย่างลูกผู้ชายด้วยสปิริต
สำหรับนักชกทีมหญิงชุดนี้อยู่ในการดูแลของ ฮวน ฟอนตาเนียล เฮดโค้ชคิวบา ที่หวนกลับมาทำทีมหญิงไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม คัดตัวและส่งนักกีฬาไปตระเวนชกที่ต่างแดนทั้งที่ อินเดีย, รัสเซีย และมองโกเลีย ก่อนตัดตัวเหลือ 3 คนสุดท้าย เป็นตัวแทนทีมชาติไทยคือ รุ่น 51 กก. จุฑามาศ รักษ์สัตย์, รุ่น 57 กก. นิลาวัลย์ เตชะสืบ และรุ่น 60 กก. “แป้ว” สุดาพร สีสอนดี
นายสมชาย ทำนายผลล่วงหน้าว่า ทำไปทำมาตัวเต็งความหวังจะมาอยู่ที่มวยหญิง เพราะทวีปเอเชียตลาดมวยเสรีเพิ่งเปิดได้ไม่นาน หลังประเพณีจารีตโบราณในหลายดินแดนปิดกั้นสุภาพสตรี 
ขณะที่ทีมมวยชาย ชุดนี้ส่งทั้งหมดครบ 7 รุ่นคือ ตั้งแต่พิกัด 49 กก. วุฒิชัย ยุระชัย, รุ่น 52 กก. ยุทธพงษ์ ทองดี, รุ่น 56 กก. “สด” ฉัตร์ชัย บุตรดี อายุ 33, รุ่น 60 กก. รุตชการญ์ จันทร์ตรง, รุ่น 64 กก. “เอ็ม” วุฒิชัย มาสุข, รุ่น 69 กก. สายลม อาดี และรุ่น 75 กก. อภิสิทธิ์ ขันโคกเครือ ได้ทำการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มี จูเลี่ยน ริคาร์โด เซเดโญ่ โค้ชชาวคิวบาเป็นหัวหน้าทีมดูแลด้วยเช่นกัน
”คู่ต่อสู้ของทีมชายไทยครั้งนี้แน่นอนว่าเป็นทีมระดับแนวหน้าของเอเชีย คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน, จีน, อินเดีย หรือแม้แต่ชาติในอาเซียนด้วยกันก็ตามที ถ้าเราหวังที่จะคว้าเหรียญโอลิมปิกเราต้องคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ให้ได้เสียก่อน ครั้งที่แล้วเราได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง หนนี้เชื่อว่าต้องดีกว่าเดิม” ประธานเทคนิคทีมกำปั้นไทย ให้ความเห็นไว้เช่นนั้น
สำหรับมวยสมัครเล่นทัวร์นาเม้นต์นี้ กติกาการชก ยังคงชก 3 นาที พัก 1 นาที มวยชายจะไม่สวมใส่เฮดการ์ด เว้นแต่นักมวยหญิง มีการชิงชัยกันที่ จาการ์ต้า นครหลวงอินโดนีเซีย
เมืองไทยนั้นเป็นเมือง”มวย” มีทรัพยากรวัตถุดิบสำหรับกีฬาชนิดนี้อยู่มากมาย อีกทั้งมวยสมัครเล่นไทยยุคนี้ ก็ยังมีผู้บริหาร มีนายกสมาคมฯอย่าง นายพิชัย ชุนหวชิร คนโตแห่งวงการธุรกิจใหญ่ จนได้ฉายาว่า “”บิ๊กบางจาก” ที่พร้อมจะทุ่มเม็ดเงิน พร้อมจะเปย์ ในทุกด้านเพื่อให้มวยเสื้อกล้ามทีมชาติไทยก้าวสู่ระดับแนวหน้าของโลกเหมือนในอดีต ที่เคยฮือฮามาแล้ว ในยุค สมรักษ์ คำสิงห์ ,มนัส บุญจำนงค์ ถึงขนาดได้รับการยกย่องในโอลิมปิคเกมส์ ว่าทีมกำปั้นไทยประเทศเล็กๆ แต่มีศักยภาพยิ่งใเหญ่เทียบเคียงทีมมวยมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้อย่างน่าทึ่ง
ทว่าเมื่อวันเวลาพ้นผ่านไป ดูเหมือนมวยสมัครเล่นของไทยจะก้าวถอยหลังลงไปทุกที ยังไม่ต้องมองไกลถึงโอลิมปิค เพียงแค่ซีเกมส์ หรือแม้กระทั่ง เอเชี่ยนเกมส์ เมื่อสี่ปีที่แล้ว เรายังทำได้เพียงแค่ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดงเท่านั้น จาก วุฒิชัย มาสุข และ อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ ตามลำดับ ขณะที่ ความหวังในครั้งนี้ “เจ้าเอ็ม” วุฒิชัย คนเดิมยังคงเป็นความหวังเต็งหนึ่ง ขณะที่ อภิเชษฐ์ มวยหมัดหนักกลับแขนหักเลิกราแขวนนวมไปแล้ว ต่างกับทีมกำปั้นคู่แข่งชาติอื่นที่ต่างล้วนแต่สร้างนักชกดาวรุ่ง ความหวังรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนกันถ้วนหน้า
ระบบการเก็บตัวของทีมไทย ชุด เอเชี่ยนเกมส์ มองไปที่มวยชาย เซเดโญ่ โค้ชชาวคิวบา เคยนำวิธีการแปลกๆไม่ให้นักมวยดื่มน้ำในช่วงพักยกของการซ้อม และไม่ให้นักกีฬาเล่นฟิตเนต จนกว่าจะถึงช่วงใกล้การชกมาใช้ นับเป็นวิธีการแปลกๆผิดแผกจากการฟิตซ้อมนักมวยทั่วไป และหากจะเทียบผลงานกับ ฮวน ฟอนตาเนียล เฮดโค้ชชาติเดียวกันที่หวนกลับมาช่วยงานให้สมาคมฯ ด้วยการติวเข้มทีมมวยหญิง ทั้งคู่นี้มีโปรไฟล์ผลงานแตกต่างกันลิบลับ แต่น่าประหลาดใจที่ สมาคมฯเองกลับมองเกมไม่ออกในส่วนของการมอบหมายงานและหน้าที่ ที่สวนความรู้สึกของแฟนมวยที่ติดตามทั่วไป
ยิ่งเรื่องระบบการคัดเลือกตัวแทนเข้าสู่ทีมชาติแล้ว ยิ่งไม่ต้องรื้อฟื้นให้เปล่าประโยชน์ ด้วยคำถามเพียงที่ว่า ทั่วดินแดนแห่งนี้ เหตุใดจึงไม่มี เพชรเม็ดงามรุ่นใหม่ที่จะได้รับการเจียรไนขึ้นมาทดแทนอัญมณีมีค่ารุ่นเก่าที่นับวันแต่จะโรยลาลงไปได้เชียวหรือ เราจึงต้องหวังฝากอนาคตอยู่แต่ฮีโร่เดิมๆเมื่อสี่ปีที่แล้ว เฉกเช่นนี้อยู่รำไป
สำหรับการแข่งขันรอบแรก จะเริ่มวันที่ 24-29 สิงหาคม ส่วนวันที่ 30 สิงหาคม พักการแข่งขัน รอบรองชนะเลิศจะแข่งขันวันที่ 31 สิงหาคม และรอบชิงชนะเลิศทำการแข่งขันวันที่ 1 กันยายน ขอเป็นแรงใจอวยพรให้ขุนพลกำปั้นทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเม้นต์นี้ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงเงินทองที่นักกีฬาจะได้รับ แต่ยังจะเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ แต่หากผลงานไม่บรรลุเข้าเป้า สังเวียนมวยแดนอิเหนาครั้งนี้ อาจจะเป็นสุสานให้กับนักชกไทยบางคนที่อาจถึงคราวต้องยอมรับสังขารตัวเองแล้วก็เป็นได้..?!?!
