เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าว จัดการแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 33 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 23-30 ก.ย. โดยมี 29 ชาติเข้าร่วม

พล.ต.จารึก กล่าวว่า เราเตรียมจัดการต้อนรับทุกชาติที่เข้าร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือสนามแข่งขันไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ในส่วนของการแข่งขันมีทั้งหมด 10 ประเภท เราส่งเข้าร่วม 6 ประเภท ประกอบด้วย ทีมชุดชาย เป็นถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 10 ซึ่งเราเป็นแชมป์มา 30 สมัย, ทีมชุดหญิง ตะกร้อ 4 คนชาย และหญิง ซึ่งเป็น 4 เหรียญทองที่เราได้มาจากเอเชียนเกมส์ ที่อินโอนีเซีย ส่วนอีก 2 ประเภทเป็น ตะกร้อลอดห่วง ชาย และหญิง เพราะต้องการรักษาไว้ซึ่งประเพณีไทย แน่นอนว่าเราต้องเอาแชมป์ให้ได้ทุกรายการที่ลงแข่งขัน

“ถ้วยนี้เป็นถ้วยที่ยิ่งใหญ่ของกีฬาตะกร้อ ที่สหพันธ์ฯยอมรับ หลังจากกลับมาจากเอเชียนเกมส์ เราปล่อยให้นักกีฬาพักเพียง 2 วันและเตรียมตัวสำหรับรายการนี้ทันที ผมได้กำชับให้นักกีฬาทุกคนเดินทางไปแข่งขันในวันเดียวกันร่วมกับชาติอื่นๆโดยรถไฟ ห้ามใครนำรถส่วนตัวไปเพื่อตัดปัญหาเรื่องหนีเที่ยว เพราะระเบียบวินัยต้องมาก่อน รวมถึงมีเรื่องความปลอดภัย เพราะเส้นทางไปนคราชสีมา มีหลายจุดที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งทุกรายการต้องแชมป์เท่านั้น” พล.ต.จารึกกล่าว

สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 10 อีเวนต์ ประกอบด้วย ทีมชุดชาย ชิงถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 10 ซึ่งไทยเป็นแชมป์มา 30 สมัย, ทีมชุดหญิง ไทยเป็นแชมป์ติดต่อกัน 20 สมัย , คู่ชาย, คู่หญิง, ทีมเดี่ยวชาย, ทีมเดี่ยวหญิง, 4 คนชาย,​4 คนหญิง,​ ตะกร้อลอดห่วงสากลชาย และตะกร้อลอดห่วงสากลหญิง

ส่วนโปรแกรมถ่ายทอดสดทาง บีอีซี เทโร ช่อง 3 จะเริ่มตั้งแต่รอบรองฯ และรอบชิงฯ วันที่ 28 ก.ย. ตะกร้อ 4 คนชายและหญิง, วันที่ 29 ก.ย. ทีมชุดหญิง และวันที่ 30 ก.ย. ทีมชุดชาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน