‘บิ๊กตู่’ สนใจที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 ส่วนแผนงานและงบประมาณจะมาจากแหล่งใดบ้าง ให้กระทรวงกีฬา กลับไปทำรายละเอียด คาดการณ์ สร้างรายได้และเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งจะมีรายจากทั่วโลก 10,000 คน อีกไม่น้อยกว่า 165 ล้านบาท

‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ และพ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแถลงผลการประชุมครม. ซึ่งในส่วนของงานกีฬา ที่ประชุมครม. ให้ความเห็นชอบเรื่อง การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ. 2026)

ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยแสดงความสนใจที่จะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) ตามที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ สำหรับภาระงบประมาณในการจัดการแข่งขันเห็นสมควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างคุ้มค่าและประหยัด แล้ว เสนอ ครม. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ควรกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการแข่งขันระหว่างคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และเมืองที่เป็นเจ้าภาพ (ประเทศไทย) ให้ชัดเจน ส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนของเมืองเจ้าภาพ จะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมของงบประมาณและการนำเงินรายได้จากสิทธิประโยชน์พิจารณาร่วมด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอว่า 1.การจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 เป็นการแข่งขันที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อวงการกีฬาของไทย และเป็นการแข่งขันที่มีความสำคัญอีกรายการหนึ่ง ซึ่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นคณะนักกีฬาระดับเยาวชนและเจ้าหน้าที่ จากประเทศสมาชิกทั่วโลก กว่า 200 ประเทศ

2. แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560 – 2564) มีวิสัยทัศน์ให้การกีฬาเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาที่มีมาตรฐาน และอยู่ในระดับชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งการสร้างกิจกรรมด้านการกีฬาในทุกระดับเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ผลักดันให้ภาครัฐและเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้าง ส่งเสริมและสนับสนุน อุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา และส่งเสริมการบริหารจัดการกีฬาให้มีมาตรฐานที่ดี ทำให้การกีฬาไทยเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนไทยและต่างชาติ ทั้งนักกีฬา ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน

3. การจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) สอดคล้องกับแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกีฬา (Sports Hub) ในอาเซียน ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) โดยเน้นการจัดแข่งขันมหกรรมกีฬาในระดับนานาชาติ และการจัดการแข่งขันกีฬาชนิดต่าง ๆ ในระดับท้องถิ่น อีกทั้งได้ส่งเสริมให้มีสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมกีฬาหลากหลาย

4. ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในด้านมาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬา คุณภาพของบุคลากรกีฬาในภาคส่วนต่าง ๆ ความพร้อมของสถานที่จัดการแข่งขัน อีกทั้งระยะเวลาการดำเนินงานที่เพียงพอ ในการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) ได้

5. เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาและบุคลากร ตลอดจนคณะกรรมการจัดการแข่งขันในภาคส่วนต่าง ๆ จากการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026)

6. เพื่อเป็นการสร้างกระแส และปลูกฝังค่านิยมในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาสำหรับเยาวชนและประชาชน อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดความสุขจากการชมและเชียร์กีฬา โดยผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวงการกีฬาของประเทศไทย ทั้งนักกีฬา บุคลากรกีฬา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการกีฬาและ จะเป็นปัจจัยช่วยสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกีฬา (Sports Hub) ในอาเซียน ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism ) นอกจากนี้ยังเป็นการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาประชาคมโลก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติ ให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะสามารถสร้างรายได้และเงินหมุนเวียนในระบบให้กับประเทศ กว่า 1,000 ล้านบาท ที่สำคัญ ประเทศไทยจะมีรายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ผู้แทนองค์กรกีฬาต่าง ๆ ผู้สังเกตการณ์ กว่า 10,000 คน เป็นเงินกว่า 165 ล้านบาท รวมทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาไทย และเยาวชนที่รักการออกกำลังกายและแข่งขันกีฬามีความมุ่งมั่นใฝ่ฝันที่จะก้าวมาเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยต่อไป

ด้าน “ดร.ก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวหลังทราบผลการประชุม ว่า ดีใจมากที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญและเห็นประโยชน์ที่ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดยูธโอลิมปิกเกมส์ จากนี้ไปคงต้องทำงานกันเข้มข้นขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการเตรียมการด้านความพร้อมต่างๆ เรื่องของสถานที่ การเตรียมนักกีฬา การเตรียมเป็นเจ้าภาพ งบประมาณ และอื่นๆ ดังนั้นการทำงานเราคงต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ เพราะในช่วงการแข่งขันยูธโอลิมปิค ครั้งที่ 3 ที่อาเจนติน่า เราคงได้มีโอกาสเจอผู้ใหญ่ในคณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี) เราจะได้นำเสนอความพร้อมต่อ ไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน