“บิ๊กอ๊อด” เอาจริงยื่นฟ้อง “บังยี” ฉ้อโกงเงินสิทธิประโยชน์สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมประกาศปิดศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก เหตุไร้ทางเข้าออก ยืนยันไม่ลงจากเก้าอี้ประมุขลูกหนังไทย
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมสโมสรสมาชิกฟุตบอลไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ประจำเดือนต.ค. เมื่อ 19 ต.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 24 การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
หลังการประชุม “บิ๊กอ๊อด” เปิดโต๊ะแถลงข่าวความคืบหน้าการบริหารสมาคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก ที่ปัจจุบันตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนบุคคลและไม่มีทางเข้าออกที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“บิ๊กอ๊อด” กล่าวว่า “สมาคมต้องการประกาศให้สโมสรสมาชิกและสื่อมวลชนได้รับทราบว่าสมาคมขอประกาศปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่หนองจอก อย่างถาวร เนื่องจากศูนย์ฝึกดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินของคุณวรวีย์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ซึ่งไม่มีทางเข้าออกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เราไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์บนศูนย์ฝึกดังกล่าวได้ เนื่องจากการเข้าไปใช้ประโยชน์อาจโดนข้อหาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ทั้งนี้ทางสมาคมได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลมีนบุรี เมื่อ 28 ก.พ. 2561 เพื่อให้คุณวรวีร์ เปิดทางเข้าสู่ศูนย์ฝึกฟุตบอลดังกล่าว หรือการสร้างถนนแบบภาระจำยอม แต่ทั้งนี้เรื่องราวของคดีความยังต้องใช้เวลา โดยศาลนัดฟังการไต่สวนวันที่ 21 ม.ค. 2562”
“ประเด็นที่ 2 สมาคมกีฬาฟุตบอลขอประกาศให้ทราบว่าบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องสมาคมคดีแพ่งในข้อหาผิดสัญญา เรื่องการดูแลสิทธิประโยชน์เป็นเงินราว 1,400 ล้านบาท หลังจากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทยฯ และได้ประกาศยุติการทำสัญญากับทุกหน่วยงานเพื่อสะสางสัญญาใหม่ให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมกับสมาคมรวมถึงสโมสรสมาชิกมากที่สุด”
“โดยสัญญาที่สยามสปอร์ตทำกับสมาคมกีฬาฟุตบอลระบุวันที่ 8 ก.พ.2556 นั่นคือก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคม จะตอบแทนการดูแลผลประโยชน์กลับคืนสู่สมาคมจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ทั้งหมด แต่ในข้อมูลที่เสนอต่อศาลกลับเป็นอีกสัญญาโดยระบุว่าจะตอบแทนสมาคม 50 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสิทธิประโยชน์”
“จากการฟ้องร้องดังกล่าว และจากการเบิกความทำให้ผมได้รับรู้ว่ายังมีข้อมูลอีกมากมายเกี่ยวกับการบริหารงานของสภากรรมการสมาคมชุดเก่าว่าไม่โปร่งใส และผมได้ยื่นฟ้องคุณวรวีร์ มะกูดี เมื่อ 4 ต.ค.2560 ในข้อหาฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลไทยฯ ในเรื่องการรับผลตอบแทนการดูแลสิทธิประโยชน์ เพราะการจ่ายค่าตอบแทนค่าสิทธิประโยชน์จากบริษัทสยามสปอร์ตนั้นไม่โปร่งใสตามกฎหมาย เนื่องจากไม่มีเงินเข้าสู่สมาคมกีฬาฟุตบอล”
“ที่ผ่านมามีความพยายามทุกวิถีทางเพื่อบีบให้ผมลุกจากตำแหน่งนายกสมาคม แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ลงจากตำแหน่งจนกว่าจะหมดวาระ และต่อให้ผมต้องไปทำงานที่ใหญ่กว่านี้ผมจะไม่ยอมลงจากตำแหน่งจนกว่าจะสะสางปัญหาของสมาคมให้หมด เนื่องจากผมไม่มั่นใจว่าคนที่จะมาแทนผมนั้นจะสามารถทำสิ่งที่เหมือนผมทำในปัจจุบันได้ ผมจะอยู่เพื่อดูแลผลประโยชน์ของสมาคมและสโมสรสมาชิกอย่างสุดความสามารถ”
