เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท. พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงข่าวเรื่องการดำเนินงาน และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หลังจากต้องพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 1พ.ย.

โดยเรื่องที่นำมาแถลงให้ตรวจสอบประกอบด้วย กรณีที่มีสภากรรมการบางคน รับเงินเดือนจากสมาคมฯ ตั้งแต่เดือน มี.ค.2559 หรือประมาณ 1 เดือน หลังจากเลือกตั้ง โดยไม่ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภากรรมการ และที่ประชุมใหญ่สมาคมฯ, วิธีรับเงินเดือนของผู้บริหารสมาคมฯบางคน ที่ให้ภรรยามารับแทนเพื่อจะจ่ายภาษีน้อยลง, เรื่องที่ บริษัท ไทยลีก จำกัด จ่ายโบนัสให้พนักงาน ทั้งที่ควรจะนำเงินดังกล่าวที่เป็นผลกำไรไปแบ่งให้กับสโมสรสมาชิก หรือถ้าต้องการจะให้จริงๆ ก็ควรถามความเห็นชอบของสโมสรสมาชิก ตามข้อบังคับสมาคมฯ รวมทั้งยังมีเรื่องที่ สภากรรมการเห็นชอบให้ปลดตนเองจากตำแหน่งเลขาธิการ เมื่อ 5 ต.ค.2561 แต่การประชุมสภาดังกล่าว ผิดข้อบังคับสมาคมฯ คือ ส่งหนังสือเชิญประชุมไม่ถึง 7 วัน และตนไม่ได้ร่วมประชุม เนื่องจากลาพักผ่อนไปต่างประเทศ จึงไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง

“บิ๊กเจี๊ยบ” เผยว่า เมื่อสมาคมมีมติเลิกจ้าง ตนก็ต้องกลับบ้าน แต่ที่ออกมาแถลงครั้งนี้เพราะอยากแจ้งให้สโมสรสมาชิกทราบว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น เพราะตอนที่ไปหาเสียงเลือกตั้ง ตนไปกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ ตนขอร้องให้ทุกคนลงคะแนนช่วย เพราะฉะนั้นตนต้องมีส่วนรับผิดชอบ ถ้าอะไรไม่เป็นตามระเบียบข้อบังคับ ต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย ตรวจสอบ และอยากฝากไปถึงสโมสรสมาชิก ถ้าเห็นด้วยกับถ้อยคำที่แถลงไป อยากให้มาลงชื่อเพื่อให้กกท. ตรวจสอบ บัญชีการใช้จ่ายสมาคมฯทั้งหมด ว่าได้่กระทำการอย่างไร มีใครบ้างรับเงินเดือน และใช้จ่ายอย่างไร

“ผมคุยกันกับนายกฯ และไม่เห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้ อย่างเช่นเรื่องที่ ผมรับเงินเดือนเท่ากับผู้บริหารบางคน แต่ผู้บริหารท่านนั้น นำภรรยามารับเงินเดือนทำให้เสียภาษีครึ่งเดียว ในขณะที่ผมต้องเสียภาษีเต็ม ให้ดีที่สุดคือเอาบัญชีมากางไปเลยว่าจ่ายเงินให้ใครไปบ้าง ผมเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่ไม่ถูกต้องผมก็ต้องพูด ทุกวันนี้ถ้าผมไม่ออกมาพูด ก็ไม่มีใครรู้ เลยอยากทำให้มันแฟร์ เหมือนที่นโยบาย ที่นายกเคยบอกไว้ ส่วนอะไรจริงไม่จริง ผมมีหลักฐาน”

“ผมกับนายกกีฬาฟุตบอลเป็นเพื่อนกันมา 46 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่เรื่องงานต้องแยกกัน เมื่อมีความคิดเห็นคนละอย่าง ก็ต้องก็ต้องให้หน่วยงานกลางตรวจสอบ และสโมสรสมาชิกตัดสิน ซึ่งเท่าที่คุยกับนายกกีฬาฟุตบอล ท่านก็บอกว่าถ้าสงสัยอะไรก็สามารถตรวจสอบได้”

“บิ๊กเจี๊ยบ” เผยอีกว่า ตนเตรียมที่จะลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯด้วย และเชื่อว่าตัวเองจะได้รับการไว้วางใจจากสโมสรสมาชิก

“ผมเชื่อว่าผมมีสิทธิมากกว่า ท่านสมยศ เพราะเดิมทีผมจะลงสมัครเองด้วยซ้ำ ผมเป็นคนเชิญเขามา ไม่งั้นนายกไม่ได้มาเกิดอย่างนี้หรอก และผมจะไม่รับเงินเดือนจากสมาคมฯ เพราะการเป็นนายกสมาคมกีฬาในประเทศไทย ต้องเป็นคนทำงาน เป็นอาสาสมัคร มาช่วยบริหาร ต้องรักษาประโยชน์ให้กับสมาคมฯอย่างสูงสุด “

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน