เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ห้อง 127 สนามราชมังคลากีฬาสถาน มีการจัดแถลงความพร้อมก่อนเกม “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เปิดบ้านสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบ สิงคโปร์ ในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018 “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” นัดสุดท้ายกลุ่มบี โดยไทย รั้งอันดับ 1 มี 7 แต้มเท่ากับ ฟิลิปปินส์ ส่วนสิงคโปร์ มี 6 แต้ม เป็นอันดับ 3 ซึ่งนัดนี้ไทย ขอเพียง 1 แต้ม จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที

มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า “หลังกลับจากฟิลิปปินส์ การฝึกซ้อมทุกอย่าง เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ การที่ทั้งสองกลุ่ม ยังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบถึง 3 ทีม แสดงให้เห็นว่า การแข่งขันรายการนี้ เป็นรายการที่มีคุณภาพมากๆ และเรายังต้องทํางานหนักต่อไป”

“ส่วนตัว แม้ว่าเราจะเสมอมาในเกมล่าสุด แต่เกมนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ผมคิดว่าเกมนั้น เราเสียประตูเพราะความโชคร้ายด้วย แต่ก็ต้องชื่นชม ฟิลิปปินส์ เช่นกัน ที่เล่นได้ดี แต่เราลืมผลการแข่งขันเกมนั้นไปหมดแล้ว และแน่นอนว่าเรากําลังโฟกัสอย่างเต็มที่ ในเกมกับ สิงคโปร์

“ผมมองว่า สิงคโปร์ ชุดนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่วินัยในการเล่น และเท่าที่ผมศึกษา ผู้เล่นทุกคน ก็เล่นได้ตามแท็กติกของโค้ชมาก และอย่างที่เคยบอกไป เราไม่สามารถประมาททุกทีมได้เลย แต่เราก็เตรียมทีมมาดีเช่นกัน ที่สําคัญการที่เราได้เล่นในบ้าน เราก็หวังว่าจะได้ผลการแข่งขันที่ดี” .

“ขณะที่เกมล่าสุดที่เรามีการเปลี่ยนแปลงผู้รักษาประตู จริงๆคิดว่า ทั้ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และ ฉัตรชัย บุตรพรม มีศักยภาพที่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว ทําให้ในแต่ละเกม เราสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 คน ดังนั้น คิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไรสําหรับเรา และเชื่อมั่นในตัวลูกทีมทุกคน เพราะทั้งหมดคือผู้เล่นที่ดีที่สุด และ ผมเป็นตัดสินใจเรียกมา”

“ในแง่แท็กติก ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก่อนเกมอยู่แล้ว ผมคงตอบไม่ได้ว่า เราจะเล่นอย่างไร แต่เราจะเล่นในแนวทางของเรา ผลการแข่งขันเป็นสิ่งสําคัญที่สุด และ ตอนนี้ ทุกคนก็มีสมาธิเต็มที่ ก่อนพบกับ สิงคโปร์

ขณะที่ ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าทีมชาติไทยที่ยิงไปแล้ว 2 ประตู กล่าวว่า การเจอ สิงคโปร์ ก็ไม่ใช่งานง่าย และมันก็ไม่ง่ายทุกเกมอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่โค้ชบอก เรามีการเตรียมทีมที่ดีอยู่ตลอด ดังนั้นเชื่อว่าเราจะสามารถเก็บ 3 คะแนนสําคัญ เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไปได้ และก็หวังว่าแฟนบอลจะเข้ามาให้กําลังใจเรากันเยอะๆ ครับ”

ส่วน ฟานดี้ อาหมัด กุนซือทีมชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ดีมากกับผลการแข่งขันในเกมที่ผ่านมา เปิดบ้านชนะ ติมอร์ เลสเต 6-1 เพราะลูกทีมผมรวมใจและสร้างผลงานได้ดี แต่เรารู้ดีทีมชาติไทยเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังได้เล่นในบ้าน แต่เราก็มีความเชื่อเล็กๆ ว่าจะสร้างผลงานและผ่านเข้ารอบได้”

“เราเดินทางมาที่นี่ เราไม่มีอะไรจะเสีย สิงคโปร์ ถูกหลายๆคนดูถูก โดยเฉพาะแฟนบอลของเราที่คิดว่าพวกเราอาจมาไม่ได้ไกล แต่ในตอนนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีโอกาสที่จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และผมเชื่อว่าหากทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เรามีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้แน่นอน”

“เรามีนักเตะสิงคโปร์มาเล่นที่ไทย และคิดว่าอาจได้เปรียบเล็กๆ ที่ผมได้ศึกษาข้อมูลของนักเตะไทยจากพวกเขา อย่างไรก็ตามโดยรวม ทีมชาติไทย ก็ยังแข็งแกร่ง แต่เรายืนยันว่า เราไม่กลัว และอะไรก็เกิดขึ้นได้”

ส่วน ฮาริสส์ ฮารูน กองกลางทีมชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า “พวกเราอยู่ในช่วงมีความมั่นใจ และคิดว่าตอนนี้ทีมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว กับการที่จะเจอกับทีมชาติไทย เราจะทำผลงานให้ดีที่สุดในการเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน”

“ทีมชาติไทยชุดก่อนหน้านี้ (แชมป์อาเซียนปี 2016) มีซูเปอร์สตาร์อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา , ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซึ่งเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีพวกเขาในทีมชุดที่จะเจอกับเรา แต่ ณ ตอนนี้พวกเขาก็เต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีคุณภาพ ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นกับทีมชาติไทยชุดไหนก็ยากเสมอ”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีสถิติที่ดียามพบกับ ทีมชาติสิงคโปร์ ในศึกชิงแชมป์อาเซียน 8 นัดที่ผ่านมา ชนะ 4 เสมอ 2 และแพ้ 2 นัด ที่สำคัญ 3 นัดหลังสุดที่เจอกัน ยังเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้ทุกนัด เริ่มจากรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อปี 2012 ที่เปิดบ้านชนะ 1-0 ตามด้วยรอบแบ่งกลุ่ม ปี 2014 และปี 2016 ที่ชนะด้วยสกอร์ 2-1 และ 1-0 ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน