ช้างศึก พร้อมลุยชิงแชมป์อาเซียน รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เยือน “เสือเหลือง” มาเลเซีย ด้าน มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ประกาศพร้อมทุบสถิติไม่เคยบุกชนะที่สนามบูกิต จาลิล

ช้างศึก ทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เยือน “เสือเหลือง” มาเลเซีย วันที่ 1 ธ.ค. ที่สนามบูกิต จาลิล กรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 19.45 น. ตามเวลาไทย ล่าสุดเมื่อ 30 พ.ย. ทางด้าน มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมด้วย กรกช วิริยอุดมศิริ แบ๊กซ้ายของทีม ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมก่อนพบทีมชาติมาเลเซีย

ราเยวัช กล่าวว่า “ผมดีใจที่ได้มาเยือนที่นี่ ทีมที่ผ่านเข้ามาสู่รอบนี้ได้คือทีมที่ดีที่สุดของอาเซียนในตอนนี้ เชื่อว่าพรุ่งนี้บรรยากาศจะเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้น และหวังว่าแฟนบอลจะเข้ามาเต็มสนาม ผมตั้งตารอกับเกมแมตช์นี้ เช่นเดียวกับเกมอีก 4 วันข้างหน้าที่กรุงเทพฯ การเล่นนอกบ้าน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา เพราะผมคิดว่าสิ่งสำคัญหากเราทำตามแท็กติกที่ซ้อมกันมาเชื่อว่าจะเก็บผลการแข่งขันที่ดีกลับไปได้แน่นอน”

“เกมที่มาเลเซียเปิดบ้านชนะเมียนมา 3-0 ผมและนักเตะของเราได้ดูเทปการแข่งขันและศึกษามาเป็นอย่างดี ซึ่งบรรยากาศในทีมตอนแข่งขันนั้นดีมากนี่คือจุดเด่นของมาเลเซียในการที่มีแฟนบอลคอยสนับสนุน ดังนั้นเราต้องมีสมาธิให้มากที่สุด”

“เรื่องสถิติที่เราไม่เคยมาชนะที่สนามแห่งนี้ในรายการชิงแชมป์อาเซียน ผมมองว่าสถิติมีไว้ทำลาย มันเป็นสิ่งสำคัญเราต้องเล่นด้วยสไตล์ของตัวเอง และต้องเล่นในแบบฉบับที่เราซ้อมกันมา ซึ่งหากทำได้ผลการแข่งขันจะออกมาดี ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เรากำลังจะได้เล่นท่ามกลางแฟนบอลที่เยอะขนาดนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีอะไรต้องกังวล”

“นี่คือครั้งที่ 3 ในการลงเล่นสนามหญ้าใบใหญ่ ครั้งแรกที่ฮ่องกง และล่าสุดที่ฟิลิปิปินส์ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเราจะมีโอกาสลงฝึกซ้อมที่นี่ เพื่อทำความคุ้นเคยให้มากที่สุด ขณะที่เป้าหมาย เรามองถึงชัยชนะอยู่แล้ว และถ้าเป็นไปได้ เราอยากชนะกลับไปแบบไม่เสียประตู เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเรารู้ว่านี่ไม่ใช่เกมที่ง่ายเหมือนกัน”

ส่วน กรกช กล่าวว่า “เรื่องการเดินทาง 2 ต่อไม่เป็นปัญหาอะไรมันเป็นแผนของโค้ชทุกครั้งอยู่แล้ว ที่ให้เรามีการฝึกซ้อมในช่วงเช้า จากนั้นเมื่อเดินทางมาถึงในช่วงเย็น เราจะมีเวลาพักผ่อนเต็มที่ ดังนั้นทุกคนอยู่ในสภาพร่างกายที่พร้อมและสดชื่นกันทุกคน”

“มาเลเซียเป็นทีมที่มีการพัฒนาอยู่ตลอด พวกเขามีเป้าหมายเหมือนหลายทีม ที่อยากขึ้นมาเป็นหัวแถวของอาเซียน และมาเลเซียเป็นทีมที่ดีทีมหนึ่ง เราจะไม่ประมาท จะพยายามเล่นให้ดีที่สุด การเล่นที่ บูกิต จาลิล ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นสนามที่สวยและใหญ่มาก ส่วนตัวดีใจที่มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศสนามแห่งนี้ แต่ในเรื่องของแฟนบอลไม่ได้กังวลอะไร ผมมองว่ามันจะทำให้บรรยากาศในเกมสนุกมากขึ้น ที่สำคัญเป็นแรงกระตุ้นที่ดีสำหรับเรา”

ขณะที่ ตัน เชง โฮ กุนซือทีมชาติมาเลเซียกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องไม่เสียประตู การได้ผลการแข่งขันที่ดีถือเป็นแรงจูงใจสำหรับเราก่อนที่จะไปเล่นที่กรุงเทพฯ ถ้าตราบใดที่เราไม่เสียประตูผมพอใจ การเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราจำเป็นต้องบุก ขณะเดียวกันต้องระวังเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามด้วย เพราะพวกเขามีคุณภาพเวลาบุก ดังนั้นกองหลังของเราต้องมีสมาธิและระวังให้มากๆ การเปลี่ยนจากรุกเป็นรับคือสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเราจะบุกเพลินๆ ไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เราไม่ควรทำ และจำเป็นต้องมีสมาธิให้มากกว่าเดิม”

ส่วน โมฮามาดู ซูมาเรห์ นักเตะทีมชาติมาเลเซีย กล่าวว่า “นี่เปรียบเสมือนเกมสุดท้าย เพราะถ้าเราแพ้โอกาสตกรอบมีสูง ทีมชาติไทยมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากชาติอื่น ดังนั้นเราทุกคนต้องทำงานหนักเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นจนจบเกม เราต้องวิ่งให้มากขึ้น”

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีสถิติโดยรวมที่ดียามพบกับมาเลเซีย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน เมื่อ 13 นัดที่ผ่านมา ชนะ 7 เสมอ 3 และแพ้ 3 นัด แต่ ช้างศึก ไม่เคยบุกไปชนะ เสือเหลือง ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลิล แม้แต่ครั้งเดียว เริ่มจาก ปี 2004 แพ้ 1-2 ในรอบแรก, ปี 2012 เสมอ 1-1 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก และปี 2014 แพ้ 2-3 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน