นักวิ่ง 3 หมื่นคนไม่กลัวฝุ่น ร่วมวิ่งผ่าเมือง สุดคึกคัก ในการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon 2019 งานวิ่งระดับ international ของไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยมีนักวิ่งราว 30,000 คนเข้าร่วม ทั้งนี้โดยมีนักวิ่งจากต่างชาติร่วมกว่า 4000 คน

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

วิ่งผ่าเมือง – โดยการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon 2019 แบ่งออกเป็น ระยะมาราธอน (42.195 กม.) และ ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.)มีจุดปล่อยตัวพร้อมกันที่ ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ในเวลา 03.00 น. สิ้นสุด ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

วิ่งผ่าเมือง

ระยะ 10 กม.และ 3.5 กม.ปล่อยตัว บริเวณหน้าโลหะปราสาท ถนนราชดำเนิน สิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีผู้เข้าแข่งขันราว 30,000 คน แยกเป็นระยะมาราธอน 6,000 คน / ฮาล์ฟมาราธอน 9,500 คน / 10 กม. 12,000 คน และ 3.5 กม. Family Run 2,500 คน

สำหรับแชมป์วิ่งมาราธอนชายตกเป็นของ เคมบอย โรติช เคนเน็ธ จากเคนยา เวลา 02.16.07 ชั่วโมง รับเงินรางวัลไป 200,000 บาท ส่วนนักวิ่งไทยที่ทำเวลาดีที่สุดได้แก่ สัญชัย นามเขต ที่เข้ามาเป็นอันดับ 10 ของทั้งหมด ทำเวลาได้ 02.23.02 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 50,000 บาท ขณะที่แชมป์มาราธอนหญิงได้แก่ มาร์กาเร็ต วันกุย เอ็นจูกูน่า เป็นนักวิ่งจากเคนยาเช่นกัน สถิติ 02.44.06 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 200,000 บาท ส่วนสาวไทยที่ทำเวลาดีที่สุดโดยเข้ามาเป็นอันดับ 10 ของทั้งหมดได้แก่ พิชชานันท์ มหาโชติ เวลา 03.27.59 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 50,000 บาท

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลกเพื่อต้องการยกระดับการจัดการแข่งขันวิ่งของประเทศไทย ให้มีมาตรฐานระดับสากล สามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และหวังว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในทวีปเอเชียที่มีนักวิ่งอยากเข้ามาร่วมแข่งขันระดับต้นๆของเอเชีย

การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ทางคณะผู้จัดงานเล็งเห็นความสำคัญของนักวิ่งที่มาร่วมแข่งขัน 30,000 คน ซึ่งในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีกระแสเรื่องของมลภาวะทางอากาศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดผลกระทบกับผู้แข่งขัน แต่เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกและได้เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันในหลายๆด้าน และเฝ้าระวังตรวจวัดค่า PM.25 ตลอดเส้นทางและช่วงเวลาการแข่งขันจริง อีกทั้งยังมีการขอความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เช่น กทม.ให้มีการฉีดล้างและดูดถนนในเส้นทางตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน โดยมีการเตรียมทีมแพทย์ พยาบาลในทุกจุดให้น้ำ มีถังออกซิเจนในทุกจุดเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเรายังมีทีมแพทย์ที่คอยวิ่งดูแลนักกีฬากว่า 100 คน

ผู้ว่าการ ททท. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ยังมีการติดตั้งเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 และแจ้งให้นักวิ่งทราบในทุกจุดให้น้ำ มีฟองน้ำแช่น้ำเย็นไว้หากเกิดการระคายเคืองขึ้น เป็นต้น ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นส่วนช่วยทำให้มลภาวะทางอากาศในกรุงเทพมหานครดีขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้จราจรของวันอาทิตย์ตามปกติ โดยสามารถวัดได้จากค่าในเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก เป็นค่าสีเขียวทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีนักวิ่งเป็นจำนวนมากสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้อีกด้วย โดยเฉพาะแชมป์มาราธอนชาย-หญิง(02.16.07 และ 02.44.46 ชม. ตามลำดับ) ทำเวลาดีกว่าแชมป์ปีที่แล้ว(02.18.41 และ 02.50.55 ชม.ตามลำดับ)

“ถือว่าการจัดงานประสบความสำเร็จ และได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และหวังว่าในปีต่อๆไปจะมีนักวิ่งที่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนที่มากขึ้นตามลำดับ”ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน