“เเซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติไทยจอมเก๋าวัย 56 ปี เปิดใจ หลังอุทิศเวลา15 ปี ล่าฝัน ก่อนคว้าตั๋วโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ความเคลื่อนไหวของ “เเซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติไทยจอมเก๋าวัย 56 ปี ซึ่งเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าโควต้าเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยังเป็นนักกีฬาเป้าบินชายคนเเรกของสมาคมกีฬายิงเป้าบินเเห่งประเทศไทย ที่ได้ตั๋วเข้าร่วมศึกโอลิมปิกเกมส์ หลังจากคว้ารองแชมป์ในการแข่งขันยิงเป้ายินชิงแชมป์โลก “เวิลด์ คัพ 2019” ที่เมืองอัลไอน์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ ยังคงปักหลักฝึกซ้อมที่สนามยิงเป้าบิน ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับนานาชาติให้ปีนี้ และเตรียมความพร้อมไปสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปีหน้า

“แซม” เศวต เปิดเผยว่า หลังจากคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020 เป็นคนแรกได้ต้องบอกว่า รู้สึกดีใจมากที่ทำได้สำเร็จหลังจากทุ่มเทมากว่า 15 ปี ซึ่งตัวเองเริ่มต้นเล่นกีฬายิงเป้าบินมาเมื่อตอนอายุ 41 ปี โดยได้ผันตัวเองจากการเป็นนักบิน แต่คุณแม่อยากให้เลิกเป็นนักบิน เพราะมีนักบินประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกันเยอะในช่วงนั้น จนทำให้หันมาเริ่มเล่นกีฬายิงเป้าบิน แต่ก็ถือว่าเริ่มเล่นช้ากว่านักกีฬาคนอื่น แต่ก็ได้ตั้งใจทุ่มเทฝึกซ้อมเต็มที่ อีกทั้งส่วนตัวมีอาชีพเป็นนักธุรกิจด้วย ทำให้มีเวลาในการฝึกซ้อมช่วงวันเสาร์ และอาทิตย์ แต่ก็ได้พยายามแบ่งเวลาให้ลงตัวมากที่สุด จนก้าวไปติดทีมชาติ และตระเวณออกแข่งขันนานาชาติมากมาย ก่อนประสบความสำเร็จได้ไปเข้าร่วมชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นเป็นเป้าหมายสูงสุดของตัวเอง และนักกีฬาทุกคน

เศวต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ใช้เงินส่วนตัวในการเดินทางไปแข่งขันแมตช์นานาชาติ และจ้างโค้ชต่างชาติขาวอิตาลี มาร์โก คอนติ รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 4-5 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งทางสมาคมกีฬายิงเป้าบินฯ ก็ช่วยสนับสนุนบางส่วน แต่ก็เข้าใจ เพราะว่าสมาคมได้งบประมาณจาก กกท. และก็ต้องนำไปสนับสนุนนักกีฬาคนอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วพร้อมทำหน้าที่ในการลงเล่นในนามทีมชาติ และอยากที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด รวมทั้งในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ด้วย แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปให้ถึงการคว้าเหรียญรางวัล เพราะจะเป็นการกดดันตัวเอง

“เป้าหมายในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ของผมไม่ใช่การคว้าเหรียญรางวัล แต่ต้องการไปแสดงให้เห็นว่านักยิงเป้าบินไทยก็สามารถทำผลงานได้ดีในระดับโลกไม่แพ้นักยิงเป้าบินยุโรป ซึ่งตัวผมก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโอลิมปิก สำหรัยในการฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมก็ได้เน้นใน 3 ส่วนคือ ร่างกาย จิตใจ และทักษะ โดยหากเราสามารถบริหารทั้ง 3 ส่วนนี้ได้ลงตัวจะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการแข่งขันได้อย่างแน่นอน”

นักยิงเป้าบินจอมเก๋ากล่าวอีกว่า สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในปีนี้จะมีทั้งรายการเวิลด์คัพ, เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ, เอเชี่ยน แชมเปี้ยนชิพ และซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้มีการวางแผนร่วมกันกับโค้ชว่าจะไปแข่งขันแบบรีแล็กซ์ ประคองตัวเอง และหาวิธีการเรียกฟอร์มเก่งออกมาในการแข่งขัน แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องทำผลงานให้ดี เพราะจะเป็นการกดดัน จากนั้นตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้าก็ได้วางแผนในการฝึกซ้อมร่างกาย และจิตใจ รวมทั้งเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมทุกด้านก่อนที่จะเข้าร่วมชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ต่อไป

“ผมต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งกรมการปกครอง, การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ช่วยกันสนับสนุนจนช่วยผลักดันให้ผมประสบความสำเร็จคว้าโควต้าโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของผมได้สำเร็จ และแม้ว่าผมอาจจะเป็นนักกีฬาที่อายุเยอะสุดในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ แต่ผมก็พร้อมจะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยก็สามารถทำได้ในเวทีระดับโลก” เศวต กล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน