คืนนี้ลุ้น ลิเวอร์พูล จะผงาดแชมป์ยุโรป สมัยที่ 6 หรือ สเปอร์ จะได้แชมป์ครั้งแรก

คืนนี้ทุกคนจะได้รู้โฉมหน้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นการฟาดฟันระหว่าง 2 ทีมจากอังกฤษ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ปะทะรองแชมป์เก่า “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ฟุตบอลนัดเดียวจบแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น รักฝั่งไหนเชียร์กันให้สุดใจเลย

ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์-ลิเวอร์พูล – เกมนี้เตะกันที่สนามเอสตาดิโอ ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน กรุงมาดริด ของสเปน เป็นศึกสายเลือดของ 2 ทีมจากอังกฤษ

เส้นทางที่ผ่านมา สเปอร์ ได้รองแชมป์กลุ่มบีด้วยผลงาน 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 เก็บได้ 8 คะแนน (แพ้อินเตอร์ มิลาน 1-2, แพ้บาร์เซโลนา 2-4, เสมอพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 2-2, ชนะพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 2-1, ชนะอินเตอร์ มิลาน 1-0, เสมอบาร์เซโลนา 1-1)

จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะ ดอร์ตมุนด์ สกอร์รวม 4-0 รอบก่อนรองชนะเลิศเสมอแมนฯ ซิตี้ 4-4(เข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน) และรอบรองชนะเลิศเสมออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-3(เข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน)

ส่วนลิเวอร์พูล ได้รองแชมป์กลุ่มซีด้วยผลงาน 6 นัด ชนะ 3 แพ้ 3 เก็บไป 9 คะแนน (ชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-2, แพ้นาโปลี 0-1, ชนะเชอร์เวนา ซเวซดา 4-0, แพ้เชอร์เวนา ซเวซดา 0-2, แพ้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1-2, ชนะนาโปลี 1-0)

ต่อมารอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะบาเยิร์น 3-1 รอบก่อนรองชนะเลิศชนะปอร์โต 6-1 และรอบรองชนะเลิศชนะบาร์เซโลนา 4-3

ด้านสถิติการเจอกันเอง 5 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูลชนะ 3 นัด เสมอกัน 1 นัด สเปอร์ชนะ 1 นัด ล่าสุดเจอกันในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไป ลิเวอร์พูลชนะแบบไปกลับ 2-1 ทั้งหมด

แต่ถ้านับเฉพาะการเจอกันในยุโรป ทั้งคู่เคยเจอกันเพียง 2 นัดในศึกยูฟ่า คัพ รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 1972-73 นัดแรกลิเวอร์พูลเปิดบ้านชนะ 1-0 นัดสองสเปอร์คว้าชัยในถิ่นตัวเองบ้าง 2-1

ผลงานในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด 38 นัด สเปอร์คว้าอันดับ 4 เก็บไปได้ 71 คะแนน ส่วนลิเวอร์พูลได้รองแชมป์โดยทำไป 97 คะแนน นั่นหมายถึงไม่ว่าค่ำคืนนี้จะจบด้วยผลแบบไหน ทั้งคู่จะได้กลับมา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

 

ความพร้อมนัดนี้ สเปอร์จะขาด เบน เดวิส ที่บาดเจ็บ และต้องเช็กความฟิต ยาน แฟร์ตองเกน, แฮร์รี เคน, ดาบินสัน ซานเชซ, แฮร์รี วิงส์, วิกเตอร์ วันยามา ส่วนลิเวอร์พูลไม่มี นาบี เกอิตา ที่เดี้ยงอยู่ และต้องลุ้นความฟิต โรแบร์โต ฟีร์มิโน, อดัม ลัลลานา

คาดว่าสเปอร์จะใช้แผน 4-3-1-2 อูโก โยริส-คีแรน ทริปเปียร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ตองเกน, แดนนี โรส-มุสซา ซิสโซโก, วิกเตอร์ วันยามา, คริสเตียน อีริกเซน-เดเล อัลลี- แฮร์รี เคน, ลูคัส มูรา

ด้านลิเวอร์พูลเตรียมวางหมาก 4-3-3 อลิสสัน เบ๊กเกอร์-เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน-จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม-โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน, ซาดิโอ มาเน

ผลงานที่ผ่านมาของทั้งคู่ในรายการนี้ สเปอร์เพิ่งเข้าชิงชนะเลิศหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร นับเป็นทีมที่ 40 ของยุโรป และทีมจากอังกฤษรายที่ 8 ซึ่งทะลุมาถึงจุดนี้ได้ ก่อนหน้านี้ “ไก่เดือยทอง” ทำได้ดีสุดเพียงเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 1961-62

ส่วนลิเวอร์พูลผ่านมาถึงรอบชิงดำแล้ว 9 ครั้ง ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์ไป 5 สมัยเมื่อฤดูกาล 1976-77, 1977-78, 1980-81, 1983-84, 2004-05 และรองแชมป์อีก 3 ครั้งฤดูกาล 1984-85, 2006-07, 2017-18

โดยสเปอร์มีลุ้นเป็นสโมสรที่ 6 ที่คว้าแชมป์ครบ 3 รายการใหญ่ยุโรปทั้งยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ/ยูโรปา ลีก และคัพ วินเนอร์ส คัพ

ต่อจากยูเวนตุส, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, บาเยิร์น มิวนิก, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้ “ไก่เดือยทอง” เคยได้ ยูฟ่า คัพ 2 สมัย และคัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย

ขณะที่ลิเวอร์พูลถ้าประสบความสำเร็จหนนี้จะกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 6 พร้อมขยับขึ้นอันดับ 3 ทีมที่คว้าโทรฟี่แชมเปียนส์ ลีก มากสุดเพียงรายเดียว

เหนือกว่านี้มีแค่เรอัล มาดริด(13 สมัย) และเอซี มิลาน (7 สมัย)

ผู้ตัดสินในเกมนี้รับหน้าที่โดย ดามีร์ สโคมินา จากสโลวีเนีย ซึ่งฤดูกาลนี้ลงเป่าเกมแชมเปียนส์ ลีก ไปแล้ว 5 นัด แจกใบเหลือง 22 ใบ ยังไม่ได้แจกใบแดงเลย เป่าให้จุดโทษ 2 ครั้ง

ส่วนผู้กำกับเส้นมี ยูเร ปราปรอตนิก และโรเบิร์ต วูคาน จากชาติเดียวกัน

แม้ทั้งคู่จะเจอกันมาตลอดจนรู้ทางกันดีอยู่แล้ว แต่ช่วงหลังดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลที่ผลงานเหนือกว่าชัดเจนยามปะทะกัน

ขณะที่เรื่องประสบการณ์ในยุโรปก็เป็นฝั่ง “หงส์แดง” ที่กินขาดอีก มองแล้วสเปอร์ไม่น่าต่อกรได้ตลอดรอดฝั่ง ลิเวอร์พูลคงชนะไปแบบไม่ยากเย็น พร้อมผงาดแชมป์อีกสมัยสมดังที่ฝัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน