“บิ๊กแชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล ขอแฟนบอล “กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี อดทนรอ พร้อมยืนยัน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง
เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดแต้ม “กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี ในการแข่งขันไทยลีก 2 (เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ) จำนวน 6 แต้ม ถึง 2 ครั้ง ระบุว่าเป็นคำสั่งจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผลพวงตั้งแต่ทีมอีสาน ยูไนเต็ด ค้างเงินนักเตะต่างชาติ ก่อนโอนสิทธิ์ทำทีมมาเป็นศรีสะเกษ เอฟซี ทำให้ กูปรี ต้องรับกรรมด้วย
ก่อนหน้านี้ ศรีสะเกษ เพิ่งโดนตัด 6 แต้ม กรณีเงินค่าเหนื่อยนักเตะเกาหลีใต้ ทำให้รวมแล้วซีซั่นนี้ โดนตัดไป 12 แต้ม จากที่ควรมีคะแนน 37 แต้ม อยู่รองจ่าฝูง กลับเหลือแค่ 25 แต้ม อยู่ที่ 10 ตามหลัง โปลิศ เทโร ทีมอันดับ 3 โควตาสุดท้ายขึ้นชั้นถึง 9 แต้ม ขณะเหลือ 15 เกม
กระทั่ง ประธานกูปรี ธเนศ เครือรัตน์ ออกมาโพสต์เดือดผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ต่อว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ไม่ปกป้องสโมสร พร้อมกับข้องใจที่มาถูกตัดแต้มในฤดูกาลเดียวถึง 2 ครั้ง และเป็นฤดูกาลที่ทีมผลงานดีมีลุ้นขึ้นชั้น ตัดพ้ออาจถึงขั้นยุบทีม ก่อนที่สมาคมกีฬาฟุตบอลได้เปิดหลักฐานเด็ด เป็นอากสารคำสั่ง จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ชี้หากไม่ทำตาม สมาคมกีฬาฟุตบอลฯจะถูกฟีฟ่าแบนออกจากการแข่งขันของฟีฟ่าทุกรายการ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา “บิ๊กแชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กแสดงความเห็นถึงแฟนบอลของ ศรีสะเกษ เอฟซี ว่า ถึงแฟนบอลศรีสะเกษ เอฟซี ครับ จากใจเลยนะครับ ผมเข้าใจความรู้สึก การโดนลงโทษตัดแต้ม 6 แต้ม 2 รอบ ติดๆกันใน 1 ฤดูกาล เป็นเรื่องที่รุนแรงจริงๆ ผมเพียงแต่อยากจะสะท้อนข้อเท็จจริง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และอยากให้เชื่อเถิดครับว่า ไม่ได้มีเจตนาจะกลั่นแกล้ง หรือ อยากจะให้ทีมไหนเลยแม้แต่ทีมเดียวต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ สำหรับหลายๆคำถามที่ว่า ทำไมตั้งนานไม่ลงโทษ, ทำไมต้องมาตัดแต้ม, ทำไมทีมต้องรับผิดชอบทั้งๆที่เป็นเรื่องตั้งแต่ 2015 และสโมสรก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับนักเตะ ฯลฯ ก็ลองใจเย็นๆ ค่อยๆ อ่านนะครับ สมาคมฯไม่ได้ “พิจารณา” ลงโทษ แต่ได้รับคำสั่งลงโทษจากฟีฟ่าซึ่งถ้าไม่ทำตามก็จะมีผลตามมาอีก”
“นี่เป็น “ข้อเท็จจริง” ที่ปรากฏซึ่งจำเป็นต้องชี้แจง ข้อเท็จจริงจะยังคงเป็นข้อเท็จจริง ไม่ว่าเราจะรู้สึกกับมันอย่างไรก็ตาม ก็ได้แต่หวังว่าจะทำให้แฟนบอลเข้าใจมากขึ้น เป็นกำลังใจให้ครับและพยายามหาทางออกแก้ปัญหาให้อยู่นะครับ”
