กระทรวงกีฬา เอาจริงตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 เรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องถกหาแนวทางเข้าเกณฑ์ ด้านสมาคมลูกหนังไทย เผยมีเพียงราชมังคลากีฬาสถานผ่านความจุ แนะนำรัฐบาลเร่งสร้างสนามใหม่ เตรียมความพร้อมรองรับการเสนอตัว

กระทรวงกีฬา – เมื่อ 19 ส.ค. ที่ห้องประชุมบุญสม มาร์ติน สนามกีฬาแห่งชาติ ดร.ปัญญา หาญลำยวง รองปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือ เพื่อเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2034 โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอาเซียน กระทรวงต่างประเทศ, กรมพลศึกษา, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้าร่วมด้วย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ประธานแจ้งที่ประชุมว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมระดับสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2562 ระบุว่า ไทยมีความต้องการที่จะยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2034 จึงได้จัดประชุมครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางร่วมในการเป็นเจ้าภาพร่วมกับชาติอาเซียนในการจัดศึกฟุตบอลโลก ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานต่างๆ ได้มาร่วมกันหารือถึงความเป็นไปได้ ขั้นตอน และหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการเตรียมความพร้อม

ดร.สุริยา จินดาวงษ์ อธิบดีกรมอาเซียน กล่าวว่า จากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนให้ไทยยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมจัดฟุตบอลโลก ปี 2034 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากที่จะให้หาข้อมูลด้านต่างๆ ในการเตรียมความพร้อม ซึ่งควรที่จะต้องมีข้อมูลภายในปีนี้ เพราะเป็นปีที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ก่อนที่ในช่วงเดือนตุลาคมจะมีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนอีกครั้ง จึงจะต้องเตรียมการว่า ถ้าไทยจะจัดฟุตบอลโลกจะต้องเตรียมความพร้อม และมีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันเวียดนามเองแสดงความสนใจอย่างมากในการยื่นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก ซึ่งในปีหน้าเวียดนามจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนด้วย

ขณะที่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชี้แจงว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกในอนาคตจะเพิ่มทีมเข้าร่วมเป็น 48 ทีม และจะมีประเทศเจ้าภาพร่วมได้มากที่สุด 4 ประเทศ โดยสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้มีข้อกำหนดในการจัดฟุตบอลโลก เรื่องแรกคือสนามแข่งขันต้องมีอย่างน้อย 12 สนาม (ตัวเลือก 14-16 สนาม) และมีความจุ 40,000-80,000 ที่นั่ง เรื่องการอำนวยความสะดวกทีมและผู้ตัดสินจะต้องมีโรงแรม 4-5 ดาวเท่านั้นอย่างน้อย 48 แห่ง (ตัวเลือก 72 แห่ง)

นายพาทิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศที่จะเสนอตัวจัดฟุตบอลโลกจะต้องได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาล ซึ่งต้องลงนามโดยนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทุกภาคส่วนต้องให้การสนับสนุน และต้องถูกบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ สำหรับสัดส่วนที่ฟีฟ่าจะให้ความพร้อมสำหรับประเทศที่ยื่นบิดส่วนมากจะเป็นเรื่องสนาม โดยฟีฟ่าจะให้คะแนนความพร้อมสำหรับประเทศที่ยื่นบิดส่วนมากจะเป็นเรื่องสนามแข่งขันมากถึง 35 เปอร์เซ็น ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีเพียงสนามราชมังคลากีฬาสถานเท่านั้นที่มี่ความจุราว 49,000 คน ถ้าเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย ที่มีสนามที่มีความพร้อมหลายสนาม ดังนั้นไทยจะต้องมีการพัฒนาในเรื่องสนามแข่งขันเพิ่มขึ้นด้วย

จากนั้นที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องสนามแข่งขันของไทย รวมทั้งมีข้อเสนอในการก่อสร้างสนามแห่งใหม่ขึ้น เพื่อรองรับการจัดฟุตบอลโลก เนื่องจากสนามเดิมที่มีอยู่นั้น เป็นโครงสร้างเดิมที่มีการก่อสร้างเมื่อหลายสิบปี ดังนั้นควรที่จะก่อสร้างสนามใหม่ให้สอดคล้องกับฟุตบอลสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ กกท.เสนอว่า มีโครงการที่จะก่อสร้างสนามกีฬาระดับชาติ เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ปี 2026 อยู่แล้ว จึงเตรียมที่จะนำมาบูรณาการร่วมกัน นอกจากนี้กรมอาเซียนเสนอที่ประชุมว่า ให้มีการจัดตั้งเป็นคณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อร่วมมือกันเตรียมพร้อมในการยื่นเสนอเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2034 เนื่องจากฟุตบอลโลกไม่ใช่เพียงแค่เรื่องกีฬาฟุตบอล แต่เป็นเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ของชาติด้วย

ภายหลังการประชุม นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้มาให้ข้อมูลต่างๆ ในการเป็นเจ้าภาพร่วมกับชาติอาเซียนในการจัดฟุตบอลโลก ปี 2034 ซึ่งทางกรมอาเซียนจะนำเอาเรื่องต่างๆ ไปเสนอต่อไปถึงยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าชาติต่างๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ที่เป็นผู้นำในการยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพ เพราะมีสนามที่พร้อมมากกว่าไทย แต่ไทยยังมีโอกาสอยู่ที่จะเป็น 1 ใน 4 ประเทศเจ้าภาพร่วม

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นภาครัฐบาลคงจะต้องมากำหนดทิศทางในการพัฒนาเรื่องสนามแข่งขัน และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ถ้าหากเราจะเป็นเจ้าภาพตัดฟุตบอลระดับโลกจะต้องเป็นนโบาย และมีความมุ่งมั่นร่วมกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอลโลก แต่เป็นเรื่องของการพัฒนาชาติให้ก้าวไปอยู่แถวหน้าในระดับโลก ถ้าเรามีความมุ่งมั่น เชื่อว่าเราทำได้ และตอนนี้ยังเหลือเวลาในการเตรียมพร้อม ถ้าหากเริ่มกันตอนนี้ เชื่อว่าจะมีความพร้อมทันแน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน