ช้างอารีน่า รังเหย้าของ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้รับเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ได้เป็นสนามที่ 4 ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย โดยเอเอฟซี มั่นใจทั้ง ราชมังคลากีฬาสถาน, สนามติณสูลานนท์, ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และช้าง อารีน่า จะปรับปรุงทันรับศึกใหญ่แน่นอน

ช้างอารีน่า – ความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพช่วงเดือนม.ค.2563 ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจความพร้อมของสนามแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่าสนามสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี จะปรับปรุงไม่ทันจัดการแข่งขัน ดังนั้นสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงเสนอชื่อ ช้าง อารีน่า ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ลีโอ สเตเดียม ของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และเอสซีจี สเตเดียม ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ให้กับฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ได้พิจารณา และเมื่อ 21 ก.ย. เอเอฟซี ได้เดินทางไปตรวจสนามช้าง อารีน่า เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงอีก 3 สนามทั้ง ราชมังคลากีฬาสถาน, สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และสนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดเมื่อ 24 ก.ย. เอเอฟซี ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และการกีฬาแห่งประเทศไทย ประชุมหารือเรืองสนามที่จะเข้าทำหน้าที่แทนสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี รวมถึงให้คำแนะนำกับแต่ละสนามว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรให้การปรับปรุงสนามเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการแข่งขันของเอเอฟซี

หลังจาการประชุม นายยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขันเอเชียนคัพ กล่าวว่า “เป็นที่ทราบดีว่าสนามที่จ.เชียงใหม่ จะเสร็จไม่ทันจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ดังนั้นเอเอฟซี ต้องหาสนามใหม่ ซึ่งครั้งแรกที่ได้ไปเยี่ยมชมสนามบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เห็นว่าสนามแห่งนี้มีความพร้อมและสามารถที่จะจัดการแข่งขันได้ ทางเอเอฟซี จึงตัดสินใจเลือกสนามบุรีรัมย์ เป็นสนามที่จะเข้ามาแทนที่สนามเชียงใหม่”

“สนามบุรีรัมย์เป็นสนามที่มีความพร้อมอย่างมากอยู่แล้ว แต่จะต้องมีการปรับปรุงบางส่วนเล็กน้อย พื้นสนามเป็นสนามที่ดี จากนี้เอเอฟซี จะรวบรวมข้อมูลจากการตรวจและส่งเอกสารในส่วนที่สนามต้องปรับปรุงให้กับบุรีรัมย์อีกครั้ง”

“ส่วนราชมังคลากีฬาสถาน ทางเอเอฟซี ได้มีโอกาสเข้าไปดูการปรับปรุงในหลายส่วน โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย อธิบายแผนการซ่อมบำรุง รวมถึงปรับปรุงในหลายๆ ส่วนให้รับทราบ ซึ่งเอเอฟซี จะทำการติดตามเรื่องการปรับปรุงของการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อให้สามารถส่งมอบสนามให้ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ภายในช่วงต้นเดือนธ.ค.”

“จากการตรวจสนามแข่งขันที่ 4 สนาม เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจากการตรวจสนามในหลายๆ ครั้งที่ผ่าน รวมถึงแผนงานที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องดังนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร น่าจะสามารถส่งมอบให้ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เพื่อจัดฟุตบอลเยาวชนเอเชีย ในเดือนม.ค.ปีหน้า”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน