เลือกชลบุรี เตรียมสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมรองรับการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 พร้อมใช้ต่อเนื่องถึงการที่ไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 2034 นอกจากนี้ยังเล็งพื้นที่สร้างสนามมาตรฐานเพิ่มตามหัวเมืองหลัก อาทิ เชียงใหม่, ภูเก็ต และขอนแก่น ในอนาคต

เลือกชลบุรี – เมื่อ 2 ต.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานการประชุมการเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่ไทย จะร่วมมือกับชาติอื่นในภูมิภาคอาเซียน เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 2034 โดยมีดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รวมถึงนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้าร่วมให้ข้อมูล

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

หลังจากการประชุมดร.ก้องศักด กล่าวว่า ในส่วน กกท.รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ปัจจุบันไม่มีสนามใดในไทยที่มาตรฐานจัดฟุตบอลโลกได้ หรือแม้แต่ราชมังคลากีฬาสถาน ที่ความจุถึง แต่ต้องปรับส่วนอื่น กกท.กำลังดำเนินการให้เสร็จทันเป็นเจ้าภาพบอล 23 ปีเอเชีย ต้นปีหน้า ต่อเนื่องถึงฟุตบอลโลก ส่วนสนามที่จะสร้างใหม่มีพื้นที่จ.ชลบุรี ที่จะทำสปอร์ตคอมเพล็กซ์ โดยมีมติคณะรัฐมนตรีออกมาแล้ว พื้นที่ดังกล่าวสามารถรองรับการจัดฟุตบอลโลก รวมทั้งพร้อมรองรับการจัดกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 ได้ในอนาคตด้วย

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวด้วยว่า นอกจากที่ ชลบุรี แล้ว ยังเล็งพื้นที่หัวเมือง เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น ซึ่งต้องหารือกันต่อไป

นายกรวีร์ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาที่เล็งเห็นความสำคัญในกรณีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมชาติอาเซียน เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก จึงได้เชิญสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้ามาให้ข้อมูล โดยในที่ประชุมเราได้คุยกันหลายๆ เรื่อง และหนึ่งในหัวข้อการหารือคือเราต้องทำให้ตัวให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐานถึงเวลาแล้วที่ไทยจะมีสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน หลังจากที่เราเพิ่งมีปัญหาเรื่องนี้ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสและแนวทางที่ดีที่ไทยจะมีการปรับปรุงสนามให้ได้มาตรฐานรองรับการจัดงานทั้งระดับทวีป และระดับโลก”

“ส่วนในการแข่งขันเยาวชน 23 ปีที่มีปัญหาเรื่องสนาม โดยเฉพาะสนามที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ดูแลและรับผิดชอบ ที่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงนั้น ทางสมาคมได้ประชุมร่วมและประสานงานกับกกท.มาตลอด ได้รับคำยืนยันว่าจะปรับปรุงเสร็จทันกรอบเวลาที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าในอนาคตไม่ว่าเราจะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่สนามแข่งขันในประเทศสมควรได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ เพื่อที่ได้ใช้รองรับในการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ ไม่เพียงแค่กีฬาฟุตบอลเท่านั้น ยังรวมถึงกีฬาชนิดอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ผมเชื่อว่าสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของสนามกีฬาในบ้านเราค่อนข้างที่ตกยุค ตกรุ่นไปแล้ว ถึงเวลาที่ปรับปรุงให้ทันยุคทันสมัยเสียที”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยจะเสนอตัวเจ้าภาพร่วมจัดฟุตบอลโลก 2034 ซึ่งควรจะมีการทำประชาพิจารย์ก่อนหรือไม่นั้น นายกรวีร์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นว่าจะมีข้อเสียอะไร เพราะการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ รวมทั้งสนามกีฬา ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดฟุตบอลโลก ในอนาคตนำสนามเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นต่อไป

สำหรับประเทศไทยกำลังดำเนินงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาอาเซียน รวมถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2034 ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศว่าจะร่วมกับชาติอาเซียนเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเช่นเดียวกัน

ส่วนฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพรอบสุดท้าย ระหว่าง 8-24 ม.ค.62 ใช้สนามแข่ง 4 สนามคือราชมังคลากีฬาสถาน, สนามติณสูลานนท์, สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และสนามบุรีรัมย์ ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อให้ทันกกำหนดของสมาคพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ภายในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ โดยเยาวชนไทยอยู่ในสายเอ ร่วมกับออสเตรเลีย, อิรัก และบาห์เรน โดยจะลงสนามนัดแรกวันที่ 8 ม.ค. พบบาห์เรน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน