เมื่อ 28 เม.ย.ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2560 โดยมีตัวแทนจาก การกีฬาแห่งประเทศไทยฯ, นายซานจีวาน บาลาซิงคัม, นางสาวชื่นชนก ศิริวัฒน์ ตัวแทนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และ ปูรูชอตทัม คาสเทล ตัวแทนจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ร่วมสังเกตการณ์การประชุม

 

บิ๊กอ๊อด กล่าวว่า สำหรับการประชุมมีสาระสำคัญคือ การรับรองงบดุลของสมาคมตั้งแต่ปี 2557, 2558 และ 2559 ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้สมาคมรับรองมานานมากแล้ว แต่เนื่องจากผู้บริหารสมาคมเพิ่งได้รับการเลือกตั้ง และไม่มีเอกสารทางการเงินจากผู้บริหารชุดเก่าจึงไม่ทราบที่มาที่ไปของเงินหมุนเวียนในสมาคมจึงไม่สามารถรับรองงบดุลได้ เมื่อไม่มีการรับรองงบดุล กกท.จึงไม่สามารถให้การช่วยทางการเงินกับสมาคม เป็นเหตุให้สมาคมขาดสภาพคล่องจึงต้องให้สมาชิกร่วมรับรองงบดุลดังกล่าว

 

แม้สมาคมจะอยู่ในภาวะวิกฤติ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่กิจกรรมต่างๆ ของสมาคมจะต้องดำเนินต่อไป สิ่งที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าบุคลากร ค่าจัดการแข่งขัน จึงต้องแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการกู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอก และนำเงินต่างๆ ของสมาคมฯ เท่าที่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินจากกองทุนฟุตบอลไทยไปบอลโลกเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องเฉพาะหน้า เนื่องจากขณะนั้น เงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และค่าถ่ายทอดจาก บริษัท ทรูวิชั่น จำกัด ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

 

“ปัจจุบันสมาคมมีเงินที่ยังค้างชำระทั้งจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่ค้างชำระตั้งแต่ปี 2550-2555 ภาษีเงินได้ที่ค้างชำระในปี 2558 ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยของโค้ชต่างชาติ การชดใช้ตามคำพิพากษาของศาล เงินรางวัลไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ที่กกท.ยกเลิกให้การสนับสนุน เงินสนับสนุนการเดินทางทั้งไทยลีก 1, 2, 3 และ 4 รวมทั้งสิ้น 323,497,669 บาท ทำให้สมาคมไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่บอกว่าจะมอบเงินสนับสนุนทีมในลีกภูมิภาคอีกปีละ 1 ล้านบาท ในสองปีแรกที่เข้ามาทำงาน อย่างไรก็ดีในปีถัดไปเชื่อว่าสมาคมจะจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือตามที่ให้สัญญาไว้ได้”

 

นายกสมาคมบอลไทย กล่าวอีกว่า อีกวาระที่สำคัญคือการแก้ระเบียบข้อบังคับสมาคมที่มีความทับซ้อนไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจำนวนทีมที่มีสิทธิ์ออกเสียงในการประชุมใหญ่ จะยึดหลักเดิมตามคำแนะนำของฟีฟ่านั่นคือการใช้ 72 เสียง แต่ 30 เสียงที่มาจากลีกภูมิภาคจากเดิมจะใช้การเลือกตั้งเป็นตัวแทนของแต่ละโซนนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะมีการล็อบบี้ผลโหวต ดั้งนั้นจะแก้ไขข้อบังคับให้ใช้อันดับในตารางคะแนน โดยยึดทีม 5 อันดับแรกของตารางเป็นตัวแทนของแต่ละโซน ซึ่งเรื่องนี้จะมีการจัดประชุมใหญ่พิเศษขึ้นอีกครั้งเพื่อให้สโมสรสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็น

 

“ส่วนกรณีที่คณะกรรมการบริหารสมาคมมีความเห็นชอบให้เพิกถอนสิทธิ์การเป็นสมาชิกสมาคมฟุตบอลของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด จากการพบว่ามีความผิดในการมีส่วนทำร้ายผู้ตัดสินนั้น ในที่ประชุมใหญ่สามัญต้องขอการรับรองจากสมาชิกจำนวน 3 ใน 4 แต่ปรากฏว่ามีสมาชิกเห็นด้วยในการถอนสิทธิ์เพียง 19 เสียง จากสมาชิกที่มาร่วมประชุม 48 เสียง ถือว่าไม่ถึง 3 ใน 4 ดังนั้นการระงับสมาชิกภาพของขอนแก่น ยูไนเต็ด จึงถือว่าสิ้นสุด โดยสมาคมจะพิจารณาวิธีการนำสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด กลับสู่ลีกอาชีพเพื่อนำเสนอในการประชุมสภากรรมการสมาคมครั้งต่อไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน