(15 ม.ค.63) ได้เห็นพัฒนาอันก้าวกระโดดในทักษะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ของแชมป์โลกสาวสองประเภทกีฬาจากเมืองระยอง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ไปอย่างน่าประทับใจ หลังกำชัยแบบทีเคโอ.ตั้งแต่ยกแรก เหนือแชมป์วูซู “พูจา โทมาร์” ในศึก ONE: A NEW TOMORROW เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ถึงวันนี้ยังเหลือคู่ต่อกรคนไหนบ้างที่ยังเป็นเสี้ยนหนามขวางทางเดินสู่การคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่ 3 ของเธอ ติดตามได้ที่นี่

โบเซนา อันโตนิยาร์

นักสู้สาวหมายเลขหนึ่ง ดีกรีแชมป์มวยสากลประเทศเมียนมา 2 สมัย “โบเซนา อันโตนิยาร์” ผู้เคยพิชิตชัยเหนือคู่แข่งขันคนเดียวกันกับ แสตมป์ อย่าง “บิ เหงียน” มาแล้วด้วยคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์ เมื่อกรกฎาคม 2562 หากเทียบประสบการณ์ผ่านสังเวียนการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ถือว่าสูสีกับ แสตมป์ มากกว่าคนอื่นๆ ที่เหลือคือ 5 ไฟต์ (ชนะ 3 แพ้ 2) ในขณะที่ แสตมป์ มี 4 ไฟต์ แต่ยังไม่เคยแพ้ใครเลย

จีฮิน รัดซวน

“จีฮิน รัดซวน” ถือเป็นหนึ่งในนักสู้หญิงที่ดีที่สุดของมาเลเซีย เธอมีดีกรีเป็นแชมป์วูซู เช่นเดียวกับคู่แข่งรายล่าสุดของ แสตมป์ อย่าง พูจา โดยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จีฮิน ขึ้นสังเวียนกับน้องใหม่ของค่ายแฟร์เท็กซ์อย่าง “เดนิซ แซมโบอันกา” และปราชัยอย่างเป็นเอกฉันท์ ทำให้เธอมีสถิติในกีฬานี้ ชนะ 5 แพ้ 2 โดยเคยชกในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่งมาแล้ว 20 ไฟต์ เรียกว่าเกมยืนและภาคพื้นมีพอตัวทีเดียว

พริสซิลลา เฮอร์ตาตี ลุมบัน กาโอล์

แชมป์โลกวูซู “พริสซิลลา เฮอร์ตาตี ลุมบัน กาโอล์” ฮีโร่สาวขวัญใจชาวอินโดนีเซีย เป็นอีกคนที่กำลังเข้าใกล้การเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวต ซึ่งที่ผ่านมา พริสซิลลา สั่งสมสถิติในกติกานี้มาแล้ว ชนะ 7 แพ้ 4 โดยความพ่ายแพ้หนึ่งในนั้นได้รับจากคู่ต่อกรรายล่าสุดของ แสตมป์ อย่าง พูจา ชนิดเฉียดฉิว 2 ต่อ 1 เสียง เมื่อเดือนมกราคม 2562 ซึ่งหนึ่งปีที่ผ่านไปทั้ง แสตมป์ และ พริสซิลลา พัฒนาฝีมือไปมาก และเชื่อว่าเส้นทางของทั้งคู่มีโอกาสโคจรมาพบกันสูงทีเดียว

เม ยามากูชิ

แชมป์โลกรายการ DEEP “เม ยามากูชิ” จากกรุงโตเกียว เธอเป็นหญิงสายบู๊มาตั้งแต่ 6 ขวบ และเดินทางสั่งสมสถิติในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) มาแล้วถึง 33 ไฟต์ (21-11-1) ที่สำคัญเธอเคยเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตกับ “แองเจลา ลี” มาแล้ว

เรื่องประสบการณ์เธอทิ้งห่างจาก แสตมป์ ไปหลายเท่าตัว แต่ขณะเดียวกันเธอก็อายุปาเข้าไป 36 ปี ซึ่งก็ทำให้ แสตมป์ มีโอกาสที่จะใช้ความสดบดความเก๋าได้ แต่คงต้องสั่งสมประสบการณ์อีกสัก 2-3 ไฟต์ คู่นี้ถึงจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

ถึงตรงนี้หาก แสตมป์ เก็บแต้มจากคู่ต่อกรคนสุดท้ายอย่าง “เม ยามากูชิ” มาได้ ก็เชื่อว่าเธอมีทักษะที่สมบูรณ์พร้อมจะก้าวขึ้นเทียบชั้นกับกับไอดอลของตัวเองอย่าง “แองเจลา ลี” ได้อย่างเต็มตัว แต่คำถามมีอยู่ว่า กว่าจะถึงวันนั้น แองเจลา จะยังครองบัลลังก์นี้อยู่หรือไม่ เส้นทางยังอีกยาวไกล ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงส่งใจให้นักสู้สาวไทย “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ผ่านแต่ละด่านไปอย่างฉลุย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน