กกท. มีมติให้ยืนตามเดิม ตัดสิทธิ์ ‘บังยี’ นายวรวีร์ มะกูดี ลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ขณะที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่งพันธุ์ม่วง ได้ไปต่อ

ความคืบหน้าการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งจะมีขึ้นที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.นั้น หลังจากที่ฝ่าย “บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฯ ได้ยื่นร้องต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อขออุทธรณ์คำสั่งตัดสิทธิ์ลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ รวมถึงขอให้ตัดสิทธิ์ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ คนปัจจุบันด้วยนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ กกท. ได้มีคำวินิจฉัยจากกรณีดังกล่าวเป็นที่สุดแล้ว สรุปใจความว่า นายวรวีร์ นั้นจะยังถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากว่าเคยถูกสมาคมฯ ฟ้องร้อง ซึ่งจากข้อบังคับดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาคมฯ นั้นสามารถเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.กีฬา ได้ เพื่อประโยชน์ของสมาคมฯ และที่มาของข้อบังคับนั้นไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย และได้ผ่านกระบวนการอย่างถูกต้อง แต่ในกรณีที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้สั่งแบนนายวรวีร์ นั้น ทางศาลกีฬาโลก ได้มีคำวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด ดังนั้นการสั่งตัดสิทธิ์อาจจะเป็นคำสั่งที่มิชอบได้

ขณะที่คำขอให้ตัดสิทธิ์ พล.ต.อ.สมยศ นั้น เนื่องจากว่าคดีความที่ถูก บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ทางศาลอุทธรณ์ได้คำสั่งรับอุทธรณ์แล้ว เท่ากับว่าคดียังไม่สิ้นสุดและพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ได้กระทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่สมาคม จึงไม่ถือว่าผิดระเบียบแต่อย่างใด

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. กล่าวว่า ทางกกท. ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด การดำเนินการต่างๆ ของสมาคมฯ ในการแก้ไขข้อบังคับนั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง ทางนายทะเบียนก็รับจดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อระเบียบการเลือกตั้งสอดคล้องกับข้อบังคับสมาคมฯ การดำเนินการต่างๆ ถือว่าถูกต้องตามกระบวนการ ส่วนผู้ที่ร้องเรียนถ้าหากรู้สึกว่ากระทบสิทธิ์ หรือลิดรอนสิทธิ์ ก็สามารถไปยื่นฟ้องร้องศาลปกครองต่อได้ ส่วนการเลือกตั้งนั้นสามารถมีขึ้นได้ตามปกติ แต่ถ้าหากศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการเลือกตั้ง ก็ถือว่าเป็นดุลยพินิจของศาล

“กรณีของศาลจะไม่นับเป็นการแทรกแซง เพราะว่าถ้าหากทำถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ ไม่ใช่แค่กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แต่ทุกสมาคมฯ ถ้าหากมีการทำที่ผิดต่อกฎหมายแล้วเราใช้กฏหมายไปบังคับก็ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงแต่อย่างใด ซึ่งในชั้นนี้กกท.ไม่สามารถบอกได้ว่าสมาคมฯ ทำผิดกฎหมาย เพราะก็ทำตามระเบียบที่วางไว้ทุกประการ เว้นเสียแต่มีคำสั่งศาลก็ต้องว่าไปตามนั้น”

ผู้ว่าก้องศักด กล่าวเสริมว่า ถ้าหากเคยมีคดีแบบเดียวกัน ที่้ข้อบังคับนั้นขัดต่อความสงบเรียบร้อย มันก็สามารถนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินได้ เพียงแต่ว่ามันไม่มี ซึ่งในอนาคตจากคดีนี้ถ้ามีคำตัดสินจากศาลก็สามารถนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานต่อไป และจะไปถึงเรื่องของการรับจดทะเบียนในอนาคตด้วย สิ่งที่ผู้ร้องเรียนต้องทำคือต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าข้อบังคับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือความสงบเรียบร้อย ถ้าศาลตัดสินว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น

ดร.ก้องศักด กล่าวปิดท้ายว่า ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ นั้น จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสังเกตการณ์ตามปกติ และกำชับให้การเลือกตั้งนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามมระเบียบข้อบังคับและกฎหมายทุกประการ

เท่ากับว่าในการประชุมใหญ่พิเศษของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งมีวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯนั้น จะมีแคนดิเดตที่จะชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ 2 ราย คือ “บิ๊กอ๊อด” ล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนปัจจุบัน และ “บิ๊กอู๊ด” ดร.ภิญโญ นิโรจน์ อดีตสภากรรมการสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน