นายใหญ่ฉลามชล อย่าง จีระศักดิ์ โจมทอง น้อมรับคำสั่งเลื่อนฟุตบอลลีกตามพรก.ฉุกเฉิน พร้อมแสดงความเห็นไม่อยากเห็นลีกอาชีพไทยต้องถึงขั้นยกเลิก

นายใหญ่ฉลามชล อย่าง จีระศักดิ์ โจมทอง ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด “ฉลามชล”ชลบุรี เอฟซี พร้อมน้อมรับการตัดสินใจของไทยลีก ที่ประกาศเลื่อนการแข่งขันจากเดิมจะกลับมาเตะอีกครั้ง 18-19 เม.ย. ออกไปเป็นวันที่ 2 พ.ค. และมีกำหนดปิดฤดูกาล 24 ต.ค.

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายจีระศักดิ์ ยอมรับว่าการเลื่อนฟุตบอลลีกเป็นไปตามคาดที่สโมสรคิดเอาตั้งทราบเรื่องการเตรียมประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน แล้ว ดังนั้นจั้งปล่อยนักเตะกลับบ้านของตัวเอง และกำชับว่าห้ามเอาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะได้รับการติดเชื้อ

 

“เราคิดไว้อยู่แล้วฟุตบอลลีกคงต้องเลื่อนแน่นอนจึงปล่อยนักเตะกลับบ้านของตัวเอง และยังไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าจะเรียกกลับมาเข้าแคมป์ซ้อมร่วมกันอีกเมื่อใด ต้องดูการประกาศอย่างเป็นทางจากทางสมาคม รวมถึงไทยลีก หากสุดท้ายฟุตบอลลีกยังยืนยันว่าจะกลับมาแข่งตามโปรแกรมใหม่ เราน่าจะเรียกผู้เล่นกลับมาซ้อมก่อนแข่งราว 2-3 สัปดาห์”

 

“ส่วนการที่เลื่อนแข่งออกไปอีกร่วมครึ่งเดือนมีโอกาสที่ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยจะต้องลงสนามถี่ขี้นเพราะกำหนดปิดฤดูกาลตามกำหนดเดิมคือเดือนต.ค. เราเตรียมการสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะปีนี้ชลบุรี มีทีมค่อนข้างใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา เรามีนักเตะให้เลือกใช้มากพอสมควร โดยเป้าหมายหลักคือผลงานในฟุตบอลลีกเป็นลำดับแรก ขณะที่ฟุตบอลถ้วยจะพิจารณาเป็นกรณีไป หากฟุตบอลลีกยังไม่เป็นที่น่าพอใจเราอาจเลือกที่ปล่อยฟุตบอลถ้วยบางรายการ”

 

“อย่างไรก็ดีผมยังมองโลกในแง่ดีว่าท้ายที่สุดแล้วฟุตบอลอาชีพในไทยคงไม่ต้องถึงขั้นยกเลิกการแข่งขัน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงโอกาสที่ระบบฟุตบอลอาชีพจะล่มมีสูงมาก และกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนทุกวันนี้ได้อีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี ดังนั้นผมอยากให้ฟุตบอลลีกกลับมาเตะตามเดิม แต่ทั้งนี้ต้องดูถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ข้อดีอีกอย่างในตอนนี้คือยังไม่มีข่าวว่านักฟุตบอลอาชีพไทยติดเชือไวรัส หรือหากมีแต่น้อยแค่ 1-2 คน การแข่งขันน่าจะยังเดินต่อไปได้ เพราะสามารถตีกรอบขอบเขตการแพร่ของเชื้อโรคได้”

 

“แต่หากเกิดเหตุการณ์ในมุมที่แย่ที่สุดที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นต้องยกเลิกฟุตลีกในประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะทุกสโมสรอาจถึงขั้นล้มได้ เนื่องจากแต่ละทีมนั้นมีค่าใช้จ่ายในทุกเดือนบางทีมต้องใช้เงินเดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ในการจ่ายค่าเหนื่อย จ่ายค่าแรง นักเตะ ทีมงาน รวมถึงบุคลากรของสโมสร แต่ไม่สามารถเบิกเงินจากผู้สนับสนุนของตัวเองได้ เพราะหากไม่มีเกมแข่งขันเราไม่สามารถเอาผลงานของเราไปเบิกเงินกับสปอนเซอร์ได้ ดังนั้นสโมสรต้องควักเงินตัวเองเพื่อดูแลส่วนนี้ ด้านนักเตะไทยคงไม่มีปัญหามากเราคงสามารถเจรจาลดหย่อนหรือขอความเห็นใจจากผู้เล่นได้ แต่กับนักเตะต่างชาติบางคนในบางสโมสรได้รับเงินค่อนข้างสูง แม้อาจจะเซ็นสัญญาแค่ปีเดียว แต่การต้องแบกค่าใช้จ่ายให้กับนักเตะโดยที่ไม่มีรายได้เป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเป็นนักเตะต่างชาติหากไม่จ่ายหรือจ่ายไม่ครบจะมีเรื่องฟ้องร้องตามมาให้วุ่นวายอย่างแน่นอน”

 

“หากฟุตบอลลีกยกเลิกผมเชื่อว่าระบบฟุตบอลอาชีพของไทยล่มแน่นอน และต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนปัจจุบัน เพราะสปอนเซอร์จะขาดความเชื่อมั่น เม็ดเงินที่เคยสนับสนุนต่อปีอาจจะลดลงอย่างมาก หรืออาจจะไม่สนับสนุนเลย ซึ่งจะเกิดปัญหาในภาพรวม การที่จะจ่ายเงินเดือนจำนวนมากต่อเดือนเหมือนทุกวันนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก หรือคงต้องรออีกนานกว่าจะกลับมา เช่นเดียวกับสมาคมฟุตบอลและไทยลีก หากไม่มีแมตช์แข่งขันไม่สามารถเอาผลงานการแข่งแต่ละสัปดาห์ไปเบิกเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ได้ เมื่อไม่มีเงินตรงนี้ ย่อมไม่มีเงินมาจ่ายให้กับสโมสรสมาชิกเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากเป็นไปได้ผมหวังว่าคงไม่มีเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอาชีพของไทย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน