“บิ๊กก้อง” ออกโรงเตือนสมาคมกีฬาอีกครั้ง ให้ปฎิบัติตามคู่มือจัดการแข่งขันอย่างเคร่งคัด ย้ำไม่ได้เป็นการขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง หากฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก ซึ่งเคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว

หลังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศอนุญาตให้ 14 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล บาสเกตบอล ตะกร้อ กอล์ฟ เทนนิส จักรยานยนต์ รถยนต์ แบดมินตัน สนุ้กเกอร์ เจ็ตสกี จักรยาน โบว์ลิ่ง และมวย สามารถจัดการแข่งขัน โดยไม่มีผู้ชมเข้าชมในสนาม ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 เป็นต้นไป โดยให้ปฎิบัติตามคู่มือจัดการแข่งขันของแต่ละชนิดกีฬา อย่างเคร่งคัด

ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะพิจารณาแล้วว่า 14 ชนิดกีฬาสามารถกลับมาจัดการแข่งขันได้ แต่ต้องปฎิบัติตามระเบียบในคู่มือจัดการแข่งขันของแต่ละชนิดกีฬาอย่างเคร่งคัด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโควิด กลับมาระบาด หรือเป็นแหล่งทำให้ เชื้อร้ายฟักตัวกลับมาระบาดได้อีกในอนาคต

“การให้แต่ละชนิดกีฬาปฎิบัติตามคู่มือนั้นไม่ใช้การขอร้อง แต่เป็นคำสั่งให้ต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งคัด เพราะหากฝ่าฝืน ไม่เพียงแต่จะถูกสั่งให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นๆ แต่ยังจะมีโทษหนักถึงจำคุก เนื่องจากเป็นการทำผิดกฎหมาย พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีตัวอย่างที่จงใจกระทำผิด ซึ่งถูกศาลสั่งจำคุกมาแล้วด้วย”

ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ดี ทุกอย่างกกท. จะดูที่เจตนาเป็นสิ่งสำคัญ หากการฝ่าฝืนนั้นเป็นการกระทำด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการ หรือไม่ได้ตั้งใจ กกท. เองก็จะทำหน้าที่เหมือนเป็นที่ปรึกษาเข้าไปให้ความรู้แก่สมาคมกีฬาด้วย ไม่ได้มุ่งที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีเพียงอย่างเดียว และที่ผ่านมาก็มีหลายสมาคมกีฬาที่ติดต่อประสานมายัง กกท. เพื่อประสานความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี ที่กกท. เองก็จะได้อธิบายให้สมาคมกีฬาทำความเข้าใจได้มากขึ้นด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน