บิ๊กอ๊อด – พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คิดหนัก หากต้องตรวจ ‘โควิด-19’ ทุกนัด ต้องใช้งบเยอะ กระทบลีกภูธร แน่นอน

บิ๊กอ๊อด – พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังการชี้แจงคู่มือการแข่งขันกีฬา (แบบไม่มีผู้ชมในสนามแข่งขัน) โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด จัดประชุมชี้แจงคู่มือการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพให้กับสโมสรสมาชิกไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ที่ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม

พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า สมาคมร่วมกับ กกท.เชิญสโมสรมาร่วมฟังคำชี้แจง และทำความเข้าใจกับคู่มือการแข่งขันฟุตบอลแบบปิดตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (ศบค.) เพื่อให้สโมสรนำกลับไปศึกษา และนำไปปฎิบัติเมื่อมีการแข่งขัน ข้อกำหนดของ ศบค.ระบุให้มีการตรวจเชื้อโควิด-19 ในนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้อง ก่อนการแข่งขัน 72 ชั่วโมง และต้องมีการตรวจก่อนแข่งทุกนัด ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนพอสมควร โดยสมาคมพยายามหาข้อยุติในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้สโมสรสมาชิกต่างๆ เกิดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ทางสมาคมได้รับการเสนอจากทางบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มตราช้าง ซึ่งมีห้องแลปตรวจเชื้อในกลุ่มพนักงาน ที่สโมสรราชพฤกษ์ มีเจตนาลดภาระช่วยลดค่าใช้จ่ายให้สโมสรที่สนใจตรวจในราคาพิเศษลดลงมาที่ 1,000 บาทต่อเคส ต่างจากตรวจข้างนอกที่โรงพยายาบาล 3,000 บาทต่อเคส นอกจากนี้ สมาคมยังได้เชิญบริษัทรับตรวจเชื้อมาคุยเจรจาหาทางลดค่าใช้จ่าย ส่วนกรณีการใช้สิทธิบัตรหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง ในการตรวจเชื้อโควิด-19 ในนักกีฬาฟุตบอลนั้น เบื้องต้นทางผู้ใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งมาว่า นักกีฬาสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้

บิ๊กอ๊อด กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ ศักยภาพของสโมสรในลีกที่ต่างกัน ซึ่งต้องยอมรับทีมในไทยลีก 1-4 มีมาตรฐานต่างกันที่จะปฏิบัติตามข้อบังคับของ ศบค. ยกตัวอย่างในลีกอังกฤษที่ระงับการแข่งขันลีกล่าง เพราะตรวจพบการแพร่ระบาด ดังนั้นจึงห่วงว่าอาจเกิดขึ้นในลีกระดับลีกของไทย ซึ่งหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบ จึงกังวลว่าสโมสรต่างๆ จะแบกรับภาระค่าตรวจไหวหรือไม่ โดยเฉพาะในไทยลีก 3-4 ส่วนการแข่งขันแบบเปิดนั้น ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งคิดว่า ศบค.คงจะพิจารณาจากการแข่งขันแบบปิดก่อนว่าจะมีการแพร่เชื้อหรือไม่

นายกลูกหนังไทยกล่าวอีกว่า สมาคมยังไม่ได้รับคำตอบจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เรื่องการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกว่า จะถ่ายจนจบการแข่งขันในเดือนพฤษภาคมปีหน้าหรือไม่ ซึ่งสมาคมพร้อมที่จะขยายสัญญาจนจบฤดูกาล แต่ขอยืนยันว่าการแข่งขัน หรือไม่แข่งขัน แข่งขันช้าหรือเร็ว ไม่ใช่เรื่องที่สมาคมเป็นฝ่ายตัดสินใจ แต่เป็นเรื่องของ ศบค. รวมทั้งการเลื่อนไปแข่งขันในเดือนกันยายน 2563-พฤษภาคม 2564 เป็นข้อเสนอความต้องการจากสโมสรที่เลื่อนหนีโควิดนานๆ และเริ่มใหม่ ไม่ใช่ความเห็นสมาคมโดยลำพัง แต่เป็นมติของสโมสร

บิ๊กอ๊อดกล่าวในตอนท้ายว่า ไม่อยากให้นำฟุตบอลไทยลีกไปเปรียบเทียบกับ บุนเดสลีก้า เยอรมัน และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะทั้ง 2 ลีกนั้นอยู่ในช่วงปลายฤดูกาล และเขาก็กัดฟันเตะทุก 3 วัน เพื่อให้จบฤดูกาลที่เหลืออยู่เพียง 6-7 นัดเท่านั้น ส่วนไทยลีกยังเหลือโปรแกรมอีก 26 นัด หากจะแข่งให้จบภายในเดือนธันวาคมปีนี้ จะต้องแข่งทุก 3 วัน 26 นัด รวมทั้งต้องยกเลิกบอลถ้วย 2 รายการ ซึ่งต้องถามว่านักฟุตบอลจะไหวไหม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน