“เจ้าโอ๋” ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลก 3 รุ่น 2 สถาบัน กลับถึงไทยเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเข้ารับการกักตัวป้องกันไวรัสโควิดต่อ ตามกระบวนการที่สัตหีบ เจ้าตัวขอบคุณแฟนชาวไทย พร้อมเสี่ยนริส สิงหวังชา ออกเงินช่วยเหลือ 500 เหรียญสหรัฐ ขณะที่เงินค่าตัวหลังถูกหัก โปรโมเตอร์แทนซาเนียรับปากอีกหนึ่งสัปดาห์จะโอนให้ตามสัญญา

รายงานข่าวเมื่อ 6 พ.ย.63 ความคืบหน้า “ม้าแก่” ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลก หวนคืนสังเวียนในวัย 43 ปี ไปชกที่แทนซาเนียเมื่อ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา กัดฟันสู้ก่อนขอยอมแพ้นักชกเจ้าถิ่นหลังหมดยก 7 แต่ต้องโดนหักค่าตัวถึง 40 % เนื่องจากทำน้ำหนักไม่ได้ตามพิกัดแม้จะลดถึง 15 กก.แล้วก็ตาม ซ้ำร้ายเกือบกลับเมืองไทยไม่ได้ เนื่องจากไม่มีใบรับรองตรวจโควิดภายใน 72 ชม. ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในเคนยา และเปลี่ยนตั๋วเที่ยวบินถึง 4 ครั้ง ก่อนจะขึ้นเครื่องในนาทีสุดท้าย เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเมื่อราวๆเที่ยงครึ่ง (12.20 น.) วันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา

ศิริมงคล พร้อม “มาดามติ๋ว” น.ส.วิพัฒนา แทนมูล ผจก.สาวและล่าม ซึ่งเดินทางไปด้วยกันตามลำพัง 2 คน ต้องกลับมาเข้ารับการกักตัวป้องกันไวรัสโควิดต่อที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตามกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองและมาตรการของรัฐ อีกเป็นเวลา 14 วัน


ศิริมงคล เผยระหว่างอยู่บนรถบัสของทางการไทย ก่อนเดินทางไปเข้ารับการกักตัวที่ชลบุรีว่า “ผมต้องใช้เวลาเดินทางจากแทนซาเนียบินกลับถึงไทยราวๆสิบสามชั่วโมงครึ่ง แถมเกือบจะตกเครื่องในนาทีสุดท้ายก่อนบิน เพราะต้องเปลี่ยนตั๋วถึง 4 ครั้ง ต้องขอบพระคุณ คุณนริส สิงหวังชา ที่ช่วยเหลือเงิน 500 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 15,500 บาท) รวมทั้งพี่น้องชาวไทยที่ช่วยเหลือในยามวิกฤต ณ ตอนนั้น ซึ่งผมต้องออกเงินซื้อตั๋วเองทั้งหมด”

อดีตแชมป์โลก 3 รุ่นชาวไทยกล่าวอีกว่า “ที่ลืมไม่ได้เลยคือต้องขอบคุณ คุณไอชา มารศรี หญิงไทยจากสุรินทร์ซึ่งแต่งงานกับสามีชาวแทนซาเนีย รวมทั้ง เชามาลี อายับ โปรโมเตอร์ผู้จัด ประสานงานกับ สถานเอกอัคราชทูตไทยใน ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนย่า ผู้ช่วยเหลือทุกอย่างทำให้เดินทางกลับบ้านได้ ที่สำคัญต้องขอบพระคุณทางเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในเคนยา ออกหนังสือรับรองให้กรณีพิเศษ เพื่อกลับมาเข้ารับการกักตัวในเมืองไทยอีก 14 วัน ซึ่งปกติทั่วไปจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองอีกคนละ 3-4 หมื่นบาทอีกด้วย แต่บอกตามตรงเราสองคนไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ขนาดจะเติมเงินทางโทรศัพท์ 200 บาท ผมยังต้องรีบขอให้ป๋าไฝ (พ่อ) โอนเงินให้ในตอนนี้”

ศิริมงคล ขยายความอีกว่า “การเดินทางไปชกครั้งนี้ ทางโปรโมเตอร์ผู้จัดก็ยังไม่ได้รับเงินจากสถานีทีวีผู้ถ่ายทอดสด เขารับปากกับผมว่า ขอเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์จึงจะโอนเงินที่ค้างชำระส่วนที่เหลือมาให้ในภายหลัง แม้ว่าก่อนหน้าการชกวันชั่งน้ำหนักเขาจะจ่ายค่าตัวให้ผมส่วนหนึ่งมาแล้วบ้าง แต่ปรากฏว่าเงินเหล่านั้นผมต้องควักเป็นค่าใช้จ่ายตรวจโรคโควิด 300 เหรียญ และซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ 800 เหรียญ รวม 1,100 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยราวๆ 34,100 บาท จนหมดตัวเลย พูดตรงๆเลยว่า ไปชกครั้งนี้เหมือนเจ็บตัวฟรีไม่ได้อะไรเลย เป็นประสบการณ์ชีวิตล้ำค่าแต่สุดโหดอีกครั้งหนึ่งที่ต้องจดจำ แม้จะเคยเดินทางไปชกมาแล้วทั่วโลกก็ตาม”

“อย่างไรก็ดี ในความโชคร้าย ผมก็ยังคิดมองในแง่ดี เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากพี่ไอชา ซึ่งเธอบอกว่า ทางทูตไทยในเคนยารู้ข่าวการมาชกของผมที่แทนซาเนีย และได้พยายามติดต่อประสานงานให้จนกระทั่งชกเสร็จจึงได้พบกัน”

“ที่สำคัญพ่อสามีของพี่ไอชาเป็นคนดังในแทนซาเนีย เขาสนใจและอยากจะให้ผมกลับไปทำธุรกิจ เป็นโค้ชสอนมวยให้ที่นั่น ถึงขนาดวางแผนจะให้ผมนำมวยไทยและมวยสากลยกทีมไปจัดขึ้นที่เกาะในแทนซาเนียช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้าอีกด้วย ซึ่งผมตกปากรับคำ พร้อมจะกลับไปแทนซาเนียอีกครั้ง เนื่องจากเท่าที่ได้สัมผัสผู้คนที่นั่นให้การต้อนรับผมอย่างอบอุ่นไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว” อดีตแชมป์โลกชาวไทยกล่าวทิ้งท้าย เหมือนไม่เข็ด ก่อนเดินทางเข้ารับการกักตัวป้องกันไวรัสที่ชลบุรีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน