คาราบาว คัพ – เวลานี้ฟุตบอลคาราบาว คัพ กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ล่าสุดเดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแล้ว

คาราบาว คัพ

วันพุธที่ 23 ธันวาคม 2563
คาราบาว คัพ อังกฤษ
รอบก่อนรองชนะเลิศ

สโต๊ก ซิตี้-ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

“ช่างปั้นหม้อ”สโต๊ก ซิตี้ จากลีกแชมเปียนชิพ เปิดสนามเบ็ต365 สเตเดียม รับการมาเยือนของ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากพรีเมียร์ลีก

ย้อนเส้นทางที่ผ่านมา

สโต๊กลงเตะรอบแรก เสมอ แบล็กพูล 0-0(เหย้า, ชนะจุดโทษ 5-4) รอบสองชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0(เยือน), รอบสามชนะจิลลิงแฮม 1-0(เหย้า) และรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะแอสตัน วิลลา 1-0(เยือน)

สเปอร์เริ่มจากรอบสาม แต่ได้ชนะบายเลย์ตัน โอเรียนต์ เนื่องจากอีกฝ่ายเผชิญวิกฤตนักเตะหลายรายติดโควิด-19 ไม่สามารถแข่งขันได้ จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายเสมอเชลซี 1-1(เหย้า, ชนะจุดโทษ 5-4)
ส่วนฟอร์มในลีกล่าสุด สโต๊กลงเตะในลีกแชมเปียนชิพไปแล้ว 20 นัด ชนะ 9 เสมอ 6 แพ้ 5 เก็บไป 33 คะแนน รั้งอันดับ 7

ผลงานเกมลีก 5 แมตช์หลัง ชนะมิดเดิลสโบรห์ 1-0(เหย้า), แพ้คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-2(เหย้า), เสมอดาร์บี เคาน์ตี 0-0(เยือน), เสมอควีนสพาร์ก เรนเจอร์ส 0-0(เยือน), ชนะแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 1-0(เหย้า)

ขณะที่สเปอร์ลงสนามในพรีเมียร์ลีกไป 14 นัด ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 3 เก็บได้ 25 คะแนน อยู่อันดับ 5
ผลงานเกมลีก 5 แมตช์หลัง เสมอเชลซี 0-0(เยือน), ชนะอาร์เซนอล 2-0(เหย้า), เสมอคริสตัล พาเลซ 1-1(เยือน), แพ้ลิเวอร์พูล 1-2(เยือน), แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2(เหย้า)


สถิติการพบกันเอง 5 ครั้งหลัง สเปอร์ เป็นฝ่ายชนะทั้ง 5 ครั้ง หนล่าสุดเป็นเกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017-18 สเปอร์ชนะในบ้าน 5-1 แล้วชนะเกมเยือนอีก 2-1

สำหรับผลงานในถ้วยนี้ สโต๊กเคยได้แชมป์ 1 สมัยเมื่อฤดูกาล 1971-72 ฤดูกาลก่อนจบเส้นทางที่รอบสาม ด้านสเปอร์เคยได้แชมป์ 4 สมัยฤดูกาล 1970-71, 1972-73, 1998-99, 2007-08 ฤดูกาลก่อนจอดป้ายรอบสามเช่นกัน

แมตช์นี้คาดว่าสโต๊กจะใช้แผน 4-2-3-1 โจเซฟ เบอร์ซิก : นาธาน คอลลินส์, แฮร์รี ซุตตาร์, เจมส์ เชสเตอร์, มอร์แกน ฟ็อกซ์ : จอร์แดน ธอมป์สัน, จอร์แดน เคาซินส์ : จาค็อบ บราวน์, นิก พาวล์, เจมส์ แม็กคลีน : แซม โวกส์

ส่วนฝั่งสเปอร์คงมาในระบบ 4-2-3-1 อูโก โยริส : แซร์ช ออริเยร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, เอริก ดายเออร์, เบน เดวิส : มุสซา ซิสโซโก, แฮร์รี วิงส์ : แกเร็ธ เบล, ลูคัส มูรา, สตีเฟน เบิร์กไวน์, คาร์ลอส วินิซิอุส


ช่วงหลังสโต๊กผลงานใช้ได้ มีจุดเด่นที่เกมรับเหนียวแน่น ขณะที่สเปอร์แม้จะมีศักยภาพที่เหนือกว่า แต่คงไม่เน้นเกมนี้มากเพราะต้องมุ่งมั่นกับผลงานลีกเป็นหลัก งานนี้ถือว่าเจ้าถิ่นลุ้นชนะไหว

 

การเจอกัน 10 ครั้งหลังสุด
สโต๊ก-สเปอร์
สโต๊ก 1-2 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สเปอร์ 5-1 สโต๊ก (พรีเมียร์ลีก)
สเปอร์ 4-0 สโต๊ก (พรีเมียร์ลีก)
สโต๊ก 0-4 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สโต๊ก 0-4 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สเปอร์ 2-2 สโต๊ก (พรีเมียร์ลีก)
สโต๊ก 3-0 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สเปอร์ 1-2 สโต๊ก (พรีเมียร์ลีก)
สโต๊ก 0-1 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สเปอร์ 3-0 สโต๊ก (พรีเมียร์ลีก)

 

**************************************

เอฟเวอร์ตัน-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมจากพรีเมียร์ลีกเจอกันเอง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”เอฟเวอร์ตัน เปิดสนามกูดิสัน พาร์ก รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ย้อนเส้นทางที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตันเริ่มต้นจากรอบสอง ชนะซัลฟอร์ด ซิตี้ 3-0(เหย้า) รอบสามชนะฟลีตวูด ทาวน์ 5-2(เยือน) และรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 4-1(เหย้า)
ส่วนแมนฯยูไนเต็ดเริ่มลงเตะรอบสาม ชนะลูตัน ทาวน์ 3-0(เยือน) และรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะไบรตัน 3-0(เยือน)

ด้านฟอร์มในลีกล่าสุด เอฟเวอร์ตันลงเตะ 14 นัด ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 4 ขณะที่แมนฯยูไนเต็ดแข่ง 13 นัด ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 3 ทำให้ทั้งคู่มี 26 แต้มเท่ากัน แต่เอฟเวอร์ตันอยู่ที่ 4 แมนฯยูไนเต็ดยึดที่ 3 เนื่องจากประตูได้เสีย


ผลงานเกมลีก 5 แมตช์หลัง เอฟเวอร์ตันแพ้ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-1(เหย้า), เสมอเบิร์นลีย์ 1-1(เยือน), ชนะเชลซี 1-0(เหย้า), ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 2-0(เยือน), ชนะอาร์เซนอล 2-1(เหย้า)

ขณะที่แมนฯยูไนเต็ดชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 3-2(เยือน), ชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1(เยือน), เสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0(เหย้า), ชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-2(เยือน), ชนะลีดส์ ยูไนเต็ด 6-2(เหย้า)

สถิติการพบกันเอง 5 ครั้งหลัง ผลัดกันชนะฝั่งละ 1 นัด เสมอกันอีก 3 นัด ล่าสุดเพิ่งพบกันในลีกฤดูกาลนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เอฟเวอร์ตันแพ้คารัง 1-3

สำหรับผลงานในถ้วยนี้ เอฟเวอร์ตันยังไม่เคยได้แชมป์เลย ทำได้ดีสุดเพียงรองแชมป์ 2 หนเมื่อฤดูกาล 1976-77, 1983-84 ฤดูกาลก่อนจอดป้ายรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้านแมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์มาแล้ว 5 สมัยฤดูกาล 1991-92, 2005-06, 2008-09, 2009-10, 2016-17 ฤดูกาลที่แล้วเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ


แมตช์นี้คาดว่าเอฟเวอร์ตันจะใช้แผน 4-3-3 จอร์แดน พิกฟอร์ด : จอนโจ เคนนี, เยร์รี มินา, ไมเคิล คีน, นีลส์ เอ็นคุนคู : กิลฟี ซิกูร์ดส์สัน, ทอม เดวิส, แบร์นาร์ด : อเล็กซ์ อิโวบี, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน, ริชาร์ลิสัน

ส่วนฝั่งแมนฯยูไนเต็ดคงมาในระบบ 4-2-3-1 ดีน เฮนเดอร์สัน : อารอน วาน-บิสซากา, เอริก ไบญีล แฮร์รี แม็กไกวร์, อเล็กซ์ เตลเลส : เนมานยา มาติช, ปอล ป๊อกบา : ฆวน มาตา, ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ก, เมสัน กรีนวูด : มาร์คัส แรชฟอร์ด

เกมนี้ทั้งคู่น่าจะไม่เน้นเท่าไหร่ เนื่องจากต้องไปใส่ใจผลงานในลีกมากกว่า จึงเป็นโอกาสที่ผู้เล่นสำรองจะได้ลงสนาม ซึ่งวัดกันแล้วขุมกำลังเสริมเอฟเวอร์ตันยังเป็นรองแมนฯยูไนเต็ด ทีมเยือนน่าจะมีโอกาสเบียดชนะสูงกว่า

การเจอกัน 10 ครั้งหลังสุด
เอฟเวอร์ตัน-แมนฯยูไนเต็ด
เอฟเวอร์ตัน 1-3 แมนฯยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
เอฟเวอร์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯยูไนเต็ด 1-1 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)
เอฟเวอร์ตัน 4-0 แมนฯยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯยูไนเต็ด 2-1 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)
เอฟเวอร์ตัน 0-2 แมนฯยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯยูไนเต็ด 4-0 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯยูไนเต็ด 1-1 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)
เอฟเวอร์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
เอฟเวอร์ตัน 1-2 แมนฯยูไนเต็ด (เอฟเอ คัพ)

****************************

“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย นักเตะ ชลบุรี เอฟซี แฟนพันธุ์แท้ “ผีแดง” แมนฯยูไนเต็ด มองเกมนี้ว่า แม้ เอฟเวอร์ตัน จะได้เปรียบที่เล่นในบ้านตัวเอง ที่สำคัญรัฐบาลอังกฤษ อนุญาตให้แฟนบอลเอฟเวอร์ตัน เข้าชมเกมในสนามได้ แต่ชั่วโมงนี้ขุนพลผีแดงกำลังมั่นใจ ที่สำคัญปีนี้เป็นปีที่แมนฯ ยู เล่นนอกบ้านได้ดีมาก ดังนั้นส่วนตัวมองว่าเจ้าของแชมป์รายการนี้เมื่อฤดูกาล 2016-17 ได้เปรียบเล็กน้อยและน่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะได้

“หากมองเรื่องความเก๋าของผู้จัดการทีม แน่นอนว่า คาร์โล อันเชลอตติ ของเอฟเวอร์ตัน เหนือกว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ แต่ฟุตบอลตัดสินกันในสนาม นักเตะคือตัวแปรสำคัญในการชี้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ประกอบกับความมั่นของผู้เล่นและขุมกำลังรายบุคคลแล้ว ผมเชื่อว่าแมนฯ ยู น่าจะเป็นฝ่ายบุกไปเอาชนะได้ถึงกูดิสัน ปาร์ก อย่างไรก็ดีรูปเกมอาจจะไม่สวยหรูมากนัก และสกอร์คงไม่ขาด เต็มที่คงบุกชนะ 2-1”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน