ไทยลีก โดยนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการซีอีโอ พร้อมเข้าชี้แจง และแจ้งเหตุผลการตัดสินใจหากสมาคมลูกหนังเรียกคุยกรณีแม่โจ้ ไม่ได้ลุ้นเลื่อนชั้น

ไทยลีก และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กำหนดให้มีการยุติการแข่งขันลีก รีเจนนัล แชมเปี้ยนชิพ ปี 2563 เนื่องจากสถาการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อมาได้มีการประชุมสโมสร ในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 และสรุปผลการจัดอันดับในโซนภาคเหนือ ให้สโมสรพิษณุโลก เอฟซี อันดับ 3 มี 32 คะแนน ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่า สโมสร แม่โจ้ ยูไนเต็ด อันดับ 2 มี 33 คะแนน แต่พิษณุโลก แข่งน้อยกว่า 1 นัดเป็นทีมที่เข้าสู่รอบ เนชันแนล แชมเปี้ยนชิพ ลุ้นโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นไทยลีก 2

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุด แม่โจ้ ยูไนเต็ด ได้ทำหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อคัดค้านผลการประชุมที่เกิดขึ้น โดยมีใจความว่า จากมติที่ประชุมที่เกิดขึ้น ข้อเสนอที่สโมสรพิษณุโลก เอฟซี เตรียมมาล้วนแล้วแต่เกิดความได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียว และไม่มีทางออกให้กับสโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด ในขณะเดียวกันข้อเสนอของสโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด ที่เสนอในที่ประชุม ถูกปฏิเสธเช่นกัน จึงหาข้อสรุปที่ลงตัวไม่ได้

สโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด ไม่ได้ต้องการปฏิเสธการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ เราพร้อมลงทำการแข่งขัน แต่ที่ต้องปฏิเสธออกไปหมายถึงการแข่งขันเพลย์ออฟในช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสม และอาจจะผิดต่อข้อบังคับที่ทางสมาคมต้องการให้หยุด รวมไปถึงอาจจะผิดต่อกฎหมาย และไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพชีวิต ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งถ้าทำการแข่งขันในช่วงเวลาที่ปลอดภัย และเหมาะสมสโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด พร้อมทำการแข่งขันเพื่อหาทีมอันดับที่ 2 ไปเล่นในรอบเนชันแนล แชมเปี้ยนชิพ ลีกต่อไป ซึ่งจริงๆ แล้วทางออกข้อนี้ไม่ได้อยู่ในระเบียบกติกาการแข่งขันของสมาคม แต่เพื่อหาทางออกร่วมกันคิดว่าน่าจะเป็นการดีที่สุดกลับทั้งสองสโมสร

ด้าน “เลขาโจ”นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่าพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และเป็นสิทธิ์ที่แม่โจ้ ยูไนเต็ด สามารถร้องเรียนได้ หากคิดว่าการตัดสินใจดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับสโมสรของตัวเอง

“สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการตัดสินร่วมกันของสโมสรในแต่ละโซนว่าใครจะได้เข้ารอบเพื่อโอกาสเลื่อนชั้น ซึ่งทางสมาคมกีฬาฟุตบอลกำลังรอหนังสือจากแม่โจ้ ร้องเรียนมาอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณา โดยอาจจะเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพูดคุยกันหาทางออก ขอยืนยันว่าสมาคมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน แต่ทั้งนี้ต้องดูตามสถานการณ์ปัจจุบันด้วยว่ามีเหตุปัจจัยอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง”

ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริหาร บริษัทไทยลีก จำกัด กล่าวว่ามติที่ออกมานั้นเป็นความเห็นร่วมกันของทุกสโมสรในโซนภาคเหนือ ที่ลงความเห็นว่าในเมื่อพิษณุโลก เอฟซี ที่แม้มีคะแนนตามหลังแม่โจ้ อยู่ 1 แต้ม แต่ยังเหลือโปรแกรมตกค้างอีก 1 นัด ดังนั้นทุกคนทีมเห็นว่าจะต้องเพลย์ออฟ แต่ติดเงื่อนไขเนื่องจากแม่โจ้เป็นสโมสรอยู่ในพื้นที่สีแดงทำให้ไม่สามารถเดินทางออกจากจังหวัดเพื่อมาเตะเพลย์ออฟได้ จึงได้มีการพิจารณาจากผลงานเฮดทูเฮด ต่อด้วยผลต่างประตูได้-เสีย และกฎแฟร์เพลย์

“ตอนที่เราประชุมหารือกันเรื่องนี้ทุกสโมสรเห็นด้วยที่จะให้มีการเตะเพลย์ออฟระหว่างแม่โจ้ ยูไนเต็ด กับ พิษณุโลก เอฟซี แต่ในเมื่อแม่โจ้ ไม่สามารถออกจากพื้นที่จ.เชียงใหม่ได้ ขณะที่โซนอื่นได้ตัวแทนเข้ารอบเนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ หมดแล้วครบทั้ง 11 ทีม การที่เราจะต้องให้สโมสรอื่นมารอว่าจะได้ทีมใดเข้ารอบเป็นทีมสุดท้าย และยังไม่มีกำหนดชัดเจนด้วยว่าจะได้ทีมนั้นเมื่อไหร่ จึงจำเป็นจะต้องมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ว่าแม่โจ้ จะมีแต้มมากกว่าพิษณุโลก แต่มีเกมแข่งขันมากกว่า เราจึงตัดเรื่องของแต้มออกไปเพื่อความเป็นธรรมกับพิษณุโลก โดยใช้ผลงานการพบกันซึ่งนัดแรกทั้งสองทีมเสมอ 0-0 ดังนั้นต้องวัดกันที่ผลต่างประตูได้-เสีย ซึ่งพิษณุโลก ดีกว่า และเมื่อมองที่กฎแฟร์เพลย์เรื่องใบเหลือง ใบแดง ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาปรากฏว่าพิษณุโลกยังเป็นฝ่ายที่ดีกว่า เราจึงมีมติเลือกพิษณุโลก เป็นตัวแทนโซนภาคเหนือ”

“การที่แม่โจ้ จะไม่พอใจกับคำตัดสินเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจได้และคิดว่าจะมีการร้องเรียนตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้สมาคมฟุตบอลคงตั้งคณะกรรมการมาพิจารณา และทางไทยลีก พร้อมเข้าชี้ปัญหาทุกอย่างที่เกิด เรายินดีด้วยซ้ำหากจะตัดสินด้วยการเล่นเพลย์ออฟ เพื่อจะได้ความชัดเจนมากที่สุด แต่ในเมื่อแม่โจ้ไม่สามารถเดินทางออกจากจังหวัดของตัวเองได้เราต้องหาทางออก ในทางเดียวกันหากเราให้แม่โจ้ เข้ารอบ จะเกิดการร้องเรียนมากจากพิษณุโลก เอฟซี เช่นเดียวกัน ตอนนี้รอเพียงสมาคมฟุตบอลเรียกทุกฝ่ายเข้าไปชี้แจงและคงได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน