ฉลามชล ยอมรับการเจอกับทีมแกร่งอย่าง บุรีรัมย์ ในถ้วยเอฟเอ คัพ ไม่ง่าย แต่เชื่อมือ “โค้ชเตี้ย” ทำทีมบอลถ้วยสุดเจ๋ง ด้านปราสาทสายฟ้าของทวงแชมป์รอบ 4 ปี
ฉลามชล ชลบุรี เอฟซี ทีมดังในศึกโตโยต้า ไทยลีก มีโปรแกรมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ 2020 ด้วยการเจองานหนักเมื่อต้องรับมือกับ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของรองแชมป์ไทยลีก โดยจะฟาดแข้งวันที่ 7 เม.ย. เวลา 19.00 น. ที่สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
นายจีระศักดิ์ โจมทอง ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และการตลาดชลบุรี กล่าวว่า “การเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ ผมเชื่อว่าทั้ง 4 ทีมต่างคาดหวังกับการเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ เพราะนอกจากถ้วยแชมป์และเงินรางวัลแล้ว ยังได้สิทธิ์เข้ารอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2022 แบบอัตโนมัติด้วย”
“หากดูจากผลงานของชลบุรี ในลีก เราอาจถูกมองว่าเป็นทีมอ่อนในบรรดา 4 ทีม แต่เรามีโค้ชเตี้ย (สะสม พบประเสริฐ) ซึ่งเป็นโค้ชทีมมีสถิติการคุมทีมในการเล่นฟุตบอลถ้วยได้ดีมาก แน่นอนว่าเรื่องสภาพความพร้อมเราอาจมีปัญหาเล็กน้อย เมื่อ นิรันดร์ มีมาก ที่เจ็บยาวจนปล่อยตัวกลับสวีเดนไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องเช็กฟิต สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ ขณะที่ เรนาโต เคลิช กองหลังคนสำคัญจะไม่สามารถลงสนามได้ เนื่องจากเรายืมตัวมาจากบุรีรัมย์”
“แม้ว่าเราจะดูเป็นรองและผลงานในลีกไม่ค่อยดี แต่เรื่องนี้เราได้มีการศึกษา เรียนรู้ และนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อย่างที่บอกว่าโค้ชของเราเก่งในการทำทีมฟุตบอลถ้วย ดังนั้นเป้าหมายของเราชัดเจนนั่นคือการคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้”
ด้านนายบริพัทธ์ สูนรอด ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ กล่าวว่า “ความพร้อมของทีมค่อนข้างมีปัญหาพอสมควร เพราะหลังจากจบเกมที่เอาชนะเมืองทอง ยูไนเต็ด ในรอบ 8 ทีม นักเตะต่างชาติอย่าง ไมคอน มาร์เกส และ โรดริโก จูเนียร์ (ดิเกา) ได้รับบาดเจ็บยังต้องรอทดสอบความฟิต”
“แต่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่เนื่องจากตัวหลักที่เป็นคนไทยนั้นอยู่กันครบ และทุกคนกำลังฟอร์มดี นอจากนี้นักเตะเยาวชนที่ขึ้นมาสู่ชุดใหญ่เริ่มทำผลงานได้น่าพอใจด้วย”
“แม้เราจะเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว 4 ครั้ง แต่เราห่างจากตำแหน่งแชมป์รายการนี้มานานถึง 4 ปี ดังนั้นปีนี้เราจึงคาดหวังและตั้งเป้ากับการแข่งขันค่อนข้างมาก แน่นอนเราไม่มีเป้าหมายอื่นนอกจากการเป็นแชมป์เท่านั้น”