ยูโร – การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค. ที่สนามเวมบลีย์ เป็นการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ อิตาลี ลงสนามพบ สเปน

สถิติก่อนเกมนี้ อิตาลี กับ สเปน พบกันในศึกยูโร ทั้งหมด 6 ครั้ง อิตาลี ชนะ 2 สเปน ชนะ 1 เสมอ 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่พบกันในศึกยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็น อิตาลี ชนะ 2-0

นอกจากนี้ อิตาลี ยังมีสถิติที่แข็งแกร่งชนะ รวดมาแล้ว 13 นัด 37 นัดหลังสุด ชนะ 28 นัด ไร้พ่าย 32 โดยการแพ้หนล่าสุดคือแพ้ โปรตุเกส 0-1 ในยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือนกันยายน ปี 2018

เกมนี้ อิตาลี มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย จานลุยจิ ดอนนารุมมา กองหลัง : โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอแมร์สัน ปัลมิเอรี, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ชิโร อิมโมบิเล, ลอเรนโซ อินซินเญ

ส่วน สเปนมาในระบบ 4-3-3 เช่นกัน ประกอบด้วย อูไน ซิมอน, เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เอริก การ์เซีย, อายเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี อัลบา, โกเก, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี กอนซาเลซ, เฟร์รัน ตอร์เรส, มิเกล โอยาร์ซาบัล, ดานี โอลโม

เริ่มเกมสเปน เป็นฝ่ายครองบอลบุกแทบจะฝั่งเดียว ขณะที่อิตาลี ทำได้เพียงลงไปตั้งรับ และรอสวนกลับเท่านั้น โดยจังหวะที่ใกล้เคียงประตูที่สุด เป็นของสเปน ในนาที 25 ดอนนารุมมา ออกบอลพลาดโดนตัดได้กลางสนาม ก่อนที่ บุสเกตส์ จะจ่ายไปให้ ดานี โอลโม ได้ยิงในกรอบ แต่ดอนนารุมมา ยังแก้ตัวปัดออกไปได้ จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังสเปน ยังเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า แต่ในนาที 60 อิตาลี ได้สวนกลับ ลอเรนโซ อินซินเญ จ่ายทะลุช่องหวังจะให้ ชิโร อิมโมบิเล แต่โดนกองหลังสเปนตัดบอลได้ก่อน อย่างไรก็ตาม บอลยังมาเข้าทาง เฟเดริโก เคียซา โยกเข้าขวา แล้วปั่นบอลโค้งเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามให้ อิตาลี ขึ้นนำ 1-0

หลังเสียประตู สเปน พยายามบุกทวงประตูคืน จนกระทั่งนาที 80 อัลบาโร โมราตา ใช้ความสามารถเฉพาะตัว ลากบอลจากกลางสนาม ก่อนจะทำชิ่งกับ ดานี โอลโม ฝ่ากองหลังอิตาลี เข้าไปหลอกยิงเสาแรก เข้าไปตุงตาข่ายให้ สเปน ตามตีเสมอสำเร็จ 1-1 ช่วงเวลาที่เหลือ สเปน ยังครองบอลได้มากกว่า ขณะที่อิตาลี ได้แต่รอสวนกลับ ครบ 90 นาที ทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มไม่ได้เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระวังมากขึ้น ก่อนจะทำอะไรกันไม่ได้ จบ 120 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินที่จุดโทษ แล้วเป็น อิตาลี ที่แม่นกว่าเอาชนะ 4-2 (รวมในเวลาชนะ 5-3) ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร เป็นสมัยที่ 4 รอพบผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เดนมาร์ก คืนวันที่ 11 ก.ค. เวลา 02.00 น (เช้าวันที่ 12 ก.ค.)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน