ตามความเข้าใจของแฟนกีฬาหลายคน จุดขายของ เกาหลีใต้ ย่อมหนีไม่พ้นเทควันโด ในฐานะชาติต้นตำรับศิลปะการต่อสู้แขนงนี้ และคนทั้งชาติน่าจะคาดหวังผลงานกีฬานี้ไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 เกาหลีใต้ กลับไม่มีเหรียญทองจากเทควันโดติดมือเลย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่เหมือนกัน

กีฬาที่เกาหลีใต้เป็นเต้ยในปัจจุบันนี้ กลับกลายเป็นแข่งยิงธนู ซึ่งทัพแม่นเป้าโสมขาวทำผลงานได้ดีจริงๆ

หลังจากที่กวาดเพียงชาติเดียว 4 เหรียญทองที่มีให้ชิงชัย เมื่อโอลิมปิกเกมส์ 2016 มาโตเกียวเกมส์คราวนี้ชิงกัน 5 เหรียญทอง เกาหลีใต้ก็ยังได้ไป 4 ทอง พลาดแค่เหรียญเดียว

เชื่อว่าคนดูกีฬาหลายคนน่าจะสงสัยกันขึ้นมา ว่าทำไมชาวเกาหลีใต้ถึงเก่งธนูกันเหลือเกิน ทั้งในซีรีส์ย้อนยุคหรือในชีวิตจริง

เหตุผลข้อแรก : ธนูเป็นอาวุธคู่กองทัพเกาหลีมาช้านาน ย้อนไปถึงยุค 500 ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานปรากฏว่าทหารแดนโสมสู้รบด้วยการขี่ม้าแล้วใช้ธนูยิงใส่ข้าศึก

กองทัพเกาหลีได้รับการยกย่องว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะสู้รบโดยไม่จำเป็นต้องใช้ชุดเกราะที่หนักเทอะทะ มีความว่องไวและโจมตีระยะไกลด้วยอาวุธธนูที่แสนชำนาญอย่างแม่นยำ

ข้อสอง : ด้วยความที่เป็นประวัติศาสตร์มาช้านาน การฝึกยิงธนูจึงอยู่ในระบบการศึกษาของเกาหลีด้วย โดยเด็กจะเริ่มเรียนกันตั้งแต่ชั้นประถมเลยทีเดียว

ทั้งนี้ เด็กจะยังไม่ได้จับคันธนูที่ขึ้นด้วยเอ็นจริง แต่ใช้หนังยางไปก่อน ซึ่งครูจะสอนพื้นฐานระเบียบร่างกาย การจัดท่ายิงให้ถูกต้องเป็นหลัก

ข้อสาม : นักกีฬาฝึกซ้อมกันชนิดเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ละคนฝึกกันวันละเกินกว่า 10 ชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งใช้ลูกศรมากกว่า 2,500 ดอก

บวกกับนิสัยของชาวเกาหลีที่ทำงานหนักและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การฝึกซ้อมกีฬาสำคัญของประเทศจะโหดกว่าของนักกีฬาชาติอื่นมาก

ข้อสุดท้าย : สร้างความบันเทิงไปพร้อมกัน เกาหลีใต้ไม่ได้เอาแต่ฝึกซ้อมหรือจัดแข่งในหมู่นักกีฬา แต่ยังมีเทศกาลที่ให้เหล่าศิลปินและบุคคลมีชื่อเสียงมาดวลความแม่นกัน สร้างความสนใจให้ประชาชนทั่วไปอย่างมาก ชนิดที่ทำเป็นรายการเผยแพร่สู่ต่างประเทศเลยด้วย

แม้ธนูจะเป็นงานหนักของชาวเกาหลีใต้ แต่ก็เป็นความสนุกไปในตัวด้วย จากความเป็นชาตินิยม บวกกับแนวทางปลูกฝังที่น่าสนใจ จึงน่าจะได้คำตอบถึงเคล็ดลับความฉมังที่กระฉ่อนโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน