การแข่งขัน ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2021 ที่ประเทศลิทัวเนีย จะเปิดฉากขึ้นในระหว่างวันที่ 12 ก.ย. – 3 ต.ค. 64 โดย ฟุตซอลทีมชาติไทย ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน อยู่ในสายซี ร่วมกับ โปรตุเกส , โมร็อคโก และ หมู่เกาะโซโลมอน โดยศึกครั้งนี้ ฟีฟ่า จะนำระบบ Video support (VS) หรือ การใช้วีดีโอช่วยตัดสิน มาใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มความถูกต้อง และ ความโปร่งใสในการตัดสินให้มีมากขึ้น

“บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาด ได้กล่าวถึงการใช้เทคโนโลยี วีดีโอ ซัพพอร์ต ว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีใหม่ อย่าง วีดีโอ ซัพพอร์ต ที่จะมีในรายการ ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งนี้ เราถือเป็นที่แรกของโลก ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ในรายการ คอนติเนนตัล เมื่อเดือน กรกฎาคม ซึ่งมีบุคคลากรจาก ฟีฟ่า เข้ามาช่วยดูแล โดยเราก็ค่อนข้างเข้าใจระบบนี้แล้ว เพราะวิธีการก็คล้ายกับวอลเลย์บอล ที่สามารถขอชาเลนจ์ได้ 1 ครั้งในแต่ละครึ่ง หากเราชาเลนจ์ได้ถูก ก็ยังจะได้สิทธิ์ชาเลนจ์ต่อไป แต่ถ้าเราชาเลนจ์ผิด ก็จะถูดยึดสิทธิ์ชาเลนจ์ในครึ่งนั้น”

“ชาเลนจ์ ก็สามารถขอได้ในทุกจังหวะสำคัญ ทั้งการทำประตู ใบแดง หรือ ปัญหาการทำฟาวล์ต่าง ๆ ที่นำมาซึ่งลูกจุดโทษ ซึ่งตอนนี้ เราเข้าใจหมดแล้ว แต่ก็จะขอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และ เราได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะเราถือเป็นที่แรกในโลก ที่ได้ทดลองใช้ระบบนี้” “บิ๊กป๋อม” กล่าวปิดท้าย

สำหรับ วิดีโอ ซัพพอร์ต จะสามารถใช้ได้ใน 5 กรณี คือ 1.Mistaken identity ระบุตัวนักเตะผิดคนในแต่ละเหตุการณ์ 2.review ประตูที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ที่นำไปสู่ประตู 3.Red card review ใบแดงโดยตรง การทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง 4.Penalty review การตัดสินให้หรือไม่ให้จุดโทษ และเหตุการณ์ที่นำไปสู่การตัดสินใจ 5.Time review การทำประตูหรือเหตุการณ์สำคัญในช่วงคาบเกี่ยวช่วงหมดเวลาแข่งขัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน