โปรตุเกสเกือบแพ้คาบ้าน แต่แซงชนะไอร์แลนด์คัดบอลโลก โซนยุโรป โรนัลโดพลาดจุดโทษก่อนสวมบทฮีโร่โขกเบิ้ล ด้านตราไก่ซึมแค่เจ๊าในรังตัวเอง

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อวันที่ 1 กันยายน กลุ่มเอ “ฝอยทอง”โปรตุเกส เปิดสนามเอสตาดิโอ โอ อัลการ์เว รับการมาเยือนของ “ยักษ์เขียว”ไอร์แลนด์

เกมนี้เจ้าถิ่นจัด คริสเตียโน โรนัลโด, ดิโอโก โชตา, ราฟา ซิลวา ลงประสานงานกันในแนวรุก ส่วนทีมเยือนนำโดย อารอน คอนนอลลี, อดัม ไอดาห์, จอช คัลเลน

ครึ่งแรกนาที 10 ไอร์แลนด์ต่อบอลพลาดในเขตโทษตัวเอง บรูโน แฟร์นานเดส ปราดเข้าฉก เจฟฟ์ เฮนดริก จึงตัดสินใจเสียบล้มลง คริสเตียโน โรนัลโด รับหน้าที่สังหารจุดโทษไปโดน กาวิน บาซูนู เซฟไว้ได้

นาที 45 ไอร์แลนด์ได้เตะมุมฝั่งซ้าย เจมี แม็กกรัธ เปิดไปบริเวณเสาแรกให้ จอห์น อีแกน ขึ้นขวิดเสียบเสาสอง ทีมเยือนจึงเป็นฝ่ายนำ 1-0

ครึ่งหลังโปรตุเกสเจาะตาข่ายไม่สำเร็จเสียทีจนส่อแววจะแพ้คาบ้าน กระทั่งนาที 89 กอนซาโล เกเดส เลี้ยงหนีคู่แข่งทางฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลางให้ คริสเตียโน โรนัลโด โขกกดลงพื้นตุงตาข่ายแก้ตัวสำเร็จ พร้อมช่วยเจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1

นาที 90+6 แฟนเจ้าถิ่นได้เฮกันกระหึ่ม เชา มาริโอ เปิดจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ คริสเตียโน โรนัลโด ขึ้นโขกเสียบตาข่าย พาโปรตุเกสแซงชนะเหลือเชื่อ 2-1

ทำให้โปรตุเกสแข่ง 4 นัดยังไม่แพ้ มีอยู่ 10 แต้ม นำจ่าฝูง ส่วนไอร์แลนด์แข่ง 3 นัดแพ้รวด ยังไม่มีแต้มเลย อยู่อันดับ 4

Soccer Football – World Cup – UEFA Qualifiers – Group D – France v Bosnia and Herzegovina – Stade de la Meinau, Strasbourg, France – September 1, 2021 France’s Anthony Martial in action with Bosnia and Herzegovina’s Anel Ahmedhodzic and Branimir Cipetic REUTERS/Gonzalo Fuentes

อีกคู่เป็นเกมกลุ่มดี “ตราไก่”ฝรั่งเศส แชมป์โลก 2018 เปิดสนามสตาด เดอ ลา เมยโน รับการมาเยือนของบอสเนีย

ครึ่งแรกนาที 36 ฝรั่งเศสจ่ายพลาดในแดนตัวเองเลยโดน เออร์เมดิน เดมิโรวิช ดักได้แล้วตวัดไปให้ เอดิน เชโก ใช้อกแต่งบอล ก่อนสับไกด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายสุดคม บอสเนียนำ 1-0

นาที 39 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย คีลิยาน เอ็มบัปเป เปิดมาบริเวณเสาแรก อองตวน กรีซมันน์ โหม่งแฉลบคู่แข่งลูกตรงกรอบแล้วนายทวารใช้มือปัดทิ้งออกมา แต่วีเออาร์แสดงให้เห็นว่าบอลผ่านเส้นประตูแล้ว ฝรั่งเศสจึงตีเสมอก่อนจบครึ่งแรก 1-1

ครึ่งหลังนาที 50 ฌูลส์ คุนเด เสียบสกัดใส่ เซอัด โคลาซินัช แม้จะได้ใบเหลืองในทีแรก แต่ผู้ตัดสินไปดูวีเออาร์เพื่อความแน่ใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบแดงให้แทน เนื่องจากมองว่าเข้าปะทะอันตรายเกินเหตุ ฝรั่งเศสจึงต้องเหลือ 10 คน

หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่มอีก จบเกมเสมอกันไป 1-1 ทำให้ฝรั่งเศสเตะ 4 นัดยังไม่แพ้ใคร เก็บเพิ่มเป็น 8 แต้ม นำจ่าฝูงต่อ ส่วนบอสเนียแข่ง 3 นัด มีอยู่ 2 แต้ม รั้งอันดับ 4

ผลคู่อื่น

กลุ่มเอ

ลักเซมเบิร์ก 2-1 อาเซอร์ไบจาน

กลุ่มดี

คาซัคสถาน 2-2 ยูเครน

กลุ่มเอฟ

เดนมาร์ก 2-0 สกอตแลนด์

หมู่เกาะแฟโร 0-4 อิสราเอล

มอลโดวา 0-2 ออสเตรีย

กลุ่มจี

ลัตเวีย 3-1 ยิบรอลตาร์

นอร์เวย์ 1-1 เนเธอร์แลนด์

ตุรกี 2-2 มอนเตเนโกร

กลุ่มเอช

มอลตา 3-0 ไซปรัส

รัสเซีย 0-0 โครเอเชีย

สโลวีเนีย 1-1 สโลวะเกีย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน