ข่าวการตัดสินของ แมนนี่ ปาเกียว หรือ ออกเสียงที่ถูกว่า “แพ็คเกียว” ยอดมวยโลกชาวเอเชีย ตัดสินเลือกเปลี่ยนสังเวียนแข่งขัน จากบนเวทีผืนผ้าใบ กลายมาเป็น สนามการเมือง ดูจะเป็นที่ฮือฮาน่าสนใจไม่น้อย…!!

หลังจากเมื่อ 19 กันยายน 64 ที่ผ่านมา ปาเกียว อดีตแชมป์โลก 8 รุ่น วัย 42 ปี ประกาศโผงผางออกทางหน้าสื่อทั่วโลกว่าตน ขอแขวนนวมแล้วเลือกที่จะกระโจนลงสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยเป้าหมายสูงสุดคือ ตำแหน่ง ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ !!

หลังการชกไฟต์ล่าสุดกับ ยอร์เดนิส อูกาส แชมป์โลก”ปกติ” WBA ชาวคิวบา แม้จะสร้างความผิดหวังในใจแฟนมวย “แพ็คแมน” ไม่น้อย เมื่อขวัญใจชาวเอเชีย ซึ่งมีดีกรี แชมป์โลก “ลาพัก” ต้องผิดหวังในการกลับมาทวงแชมป์ เวลเตอร์เวต 147 ปอนด์ สมาคมมวยโลก WBA คืน ด้วยการพ่ายคะแนนให้แก่ อูกาส ดีกรี “ซูเปอร์แชมป์” ไปแบบผู้ชนะหน้าตาบวมปูดบอบช้ำด้วยกันทั้งคู่

นอกจากเป็นยอดมวยแล้ว ปัจจุบัน ปาเกียว ยังมี สถานะ เป็น “สมาชิกวุฒิสภา” ของฟิลิปปินส์อยู่ด้วย หลังการชกลงจากสังเวียนล่าสุด แม้สื่ออเมริกันจะยื่นไมค์จ่อปากให้คนทั้งโลกรอฟังสัมภาษณ์ว่า เจ้าตัวจะประกาศเลิกมวย เป็นไฟต์อำลาหรืออย่างไร ??

ทว่าปาเกียว ยังคงรอบคอบ ขอเวลาไตร่ตรอง (รอนับเงินค่าตัว รายได้หลังชก) อีกสักระยะจากนั้นจึงให้คำตอบ ซึ่งสื่ออเมริกัน บิสซิเนส มิเรอร์ (BusinessMirror) ฟันธงว่า ปาเกียว จะได้ค่าตัวจากการชกไฟต์นี้ แน่ๆ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (167.35 ล้านบาท) ยังไม่รวมรายได้จาก เปเปอร์วิว ราวๆ 25 ล้านเหรียญฯ (836.75 ล้านบาท) เมื่อคิดรวมเป็นเงินไทยคร่าวๆ ยอดมวยฟิลิปปินส์จะได้เงินราวๆ 1,000 ล้านบาท จากการชกไฟต์นี้

หลังหักกลบลบหนี้ที่คิดจะเล่นการเมืองต่อ ล่าสุดจึงเป็นสาเหตุให้ ปาเกียว ออกมาประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน ที่จะขอเลือกต่อสู้บนเส้นทางการเมืองต่อไป ซึ่งนั่นอาจหมายถึง เจ้าตัวจะต้องพักเบรก หรือ แขวนนวมเลิกมวยเป็นการถาวรไปเลย และเพื่อให้ดูซอร์ฟ และภาพออกมาสวย ด้วยภาพลักษณ์ของ “แฟมิลี่แมน” ขวัญใจคนทั้งโลก ซึ่งจะเป็นแบบอย่างของชาวปินอย (ฟิลิปปินส์)

ปาเกียว จึงเผยว่า “อาชีพมวยของผม ? มันได้จบลงไปแล้ว เพราะผมอยู่กับมันมาเป็นเวลานาน จนครอบครัวบอกว่า มันพอแล้ว พอแล้วพอ ที่ผมชกมวยต่อเนื่องมาถึงจุดนี้ นั่นก็เพราะความหลงใหลให้กับมวย จากนี้ผมจะสนับสนุนนักชกคนอื่นๆเพื่อสร้างแชมป์โลกคนต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”
….นั่นคือวาทะกรรมอันสวยหรู ที่ใครได้ฟัง โดยเฉพาะเอฟซี ล้วนต้องเชิดชู

เราเคยฟังความเห็นจากสื่อต่างชาติมากมาย ลองไปฟังทัศนะคนใกล้ชิด และผู้ที่เคยสัมผัสกับปาเกียว ที่เป็นคนไทยดูบ้างเป็นไร

หนึ่งในคนไทยที่สนิทสนมกับยอดมวยปินส์เป็นที่สุด คงไม่มีใครเกิน “หมอซ้ง” ณรงค์ เฮงตระกูล นักธุรกิจหมัดมวยข้ามชาติ หรือตามวิชาชีพที่เรียกกันว่า “แมตช์ เมคเกอร์” ให้ความรู้ถึง ระบอบการเมืองของฟิลิปปินส์ และวิถีการตัดสินใจในชีวิตของ “แพ็คแมน” อย่างน่าสนใจว่า

“การเมืองในฟิลิปปินส์นั้น มีกำหนดเลือกตั้งทั่วประเทศพร้อมกันทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ ผู้ใหญ่บ้าน ,กำนัน ,นายกเทศมนตรี ,ผู้ว่าฯ ,สส. ,สว. ไปจนถึง ประธานาธิบดี”

“สส. มีทั้ง สส.แบ่งเขต และ ปาร์ตี้ลิส ปัจจุบันปาเกียวเป็น สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่ง สว. มีทั้งสิ้น 24 คน จากทั้งหมดทั่วประเทศ มีวาระ 6 ปี และครึ่งหนึ่งจะหมดวาระต้องคัดออกทุกๆ 3 ปี
ในฟิลิปปินส์นั้น เมื่อครบกำหนดวาระ จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศวันเดียวพร้อมกันหมด ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปจนถึงประธานาธิบดี ซึ่งครั้งต่อไปถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 10 พ.ค.ปีหน้า (พ.ศ.2565) และตัวของปาเกียวก็จะหมดวาระของการเป็น สมาชิกวุฒิสภา พอดีเช่นกัน”

“ในเส้นทางการเมืองนั้น ทีมงานของปาเกียวถือว่า มีกระดูกความเก๋า แข็งแกร่งพอสมควร เริ่มจาก ตระกูลปาเกียว มีพี่น้อง 3 คน เป็น สส.ปาร์ตี้ลิส รวมทั้ง บ๊อบบี้ ปาเกียว น้องชายที่เคยชกมวยและมาต่อยในเมืองไทย หรือ โรเอล ปาเกียว น้องชายอีกคนที่ไม่เคยชกมวย แต่ก็เป็น สส.
รวมทั้งยอดยาหยี “จินกี้” มาดามจิงกี้ ฮาโมล่า แพ็คเกียว นางก็เคยเป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ ซารานกานี่ ถิ่นของนางนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น โบบอย เฟอร์นันเดซ ตำแหน่งชิพเทรนเนอร์คนใกล้ตัวบนสังเวียน คู่ใจผู้เคยล่อเป้ากันมา ก็ยังมีตำแหน่งถึง รองนายกเทศมนตรี ที่เมืองอาลาไบ จังหวัดบิโคล ที่ตั้งของภูเขาไฟมายอนอันโด่งดัง”

“หมอซ้ง” คนไทยเพียงคนเดียวที่เคยไปช่วยปาเกียวหาเสียงเลือกตั้ง จนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฟิลิปปินส์ ลงภาพข่าวและสกู๊ปใหญ่โตครึ่งหน้า ฟื้นถึงอดีตอันสุดตื่นเต้นอีกว่า
ปาเกียว ลงเล่นการเมืองครั้งแรก ปี 2007 ชิงตำแหน่ง สส. ที่ เจอเนอรัล ซานโต๊ส ซิตี้ แต่ต้องสอบตกเพราะแพ้สุภาพสตรีคู่แข่ง ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะ คนฟิลิปปินส์ช่วงนั้นก็ยังอยากเห็นปาเกียวโลดแล่นอยู่บนสังเวียนมวยโลกต่อไป
จากนั้นสามปีต่อมา ปี 2010 ปาเกียว ย้ายไปลงสมัคร สส. อีกครั้ง ที่ ซารานกานี่ บ้านเกิด ครั้งนี้ คว้าชัยชนะ ด้วยการล้มแชมป์เก่าอาวุโสหลายสมัยอย่าง “รอย จงเบียน” ชนิดหักปากกาเซียน จากนั้นถึง ปี 2016 จึงสมัครชิงตำแหน่ง สว. ได้คะแนนราวๆ 15.5 ล้านเสียง คิดเป็นลำดับที่ 7 ของผู้ได้รับเลือก

“ปาเกียวเคยลงเล่นการเมืองสมัยแรก แต่สอบตก เมื่อถึงคราวต่อสู้สมัยสอง เขาใช้วิธีทุ่มเงินจ้างคู่แข่งคนเดิม ซึ่งเป็นผู้อาวุโสมากแล้ว ไปนั่งตำแหน่งอื่นคือ นายกเทศมนตรีแทนที่จะมาแย่งกันเป็น สส. พร้อมรับเงินเยียวยาก้อนโต ก่อนปลดระวางตัวเองกลับไปเลี้ยงลูกหลานอยู่กับบ้าน นั่นจึงทำให้เส้นทางของปาเกียวโปร่งใส ได้เข้าไปเดินอย่างมีเกียรติในรัฐสภา”

เมื่อถามถึงเป้าหมายของปาเกียว ในวาระเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้ หมอซ้ง อีกเช่นเดิมเป็นผู้ยิงคำถามแทงใจคนที่อยากรู้ทั่วไป

“ก่อนหน้านี้ มีข่าวบางกระแสว่า ปาเกียวนั้น คงเป็นได้แค่รองประธานาธิบดีเท่านั้น เพราะว่าคู่แข่งสำคัญคนที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำ จาก โรดริโก้ ดูเตอร์เต้ หาใช่ใครนั่นคือ “ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ” บุตรสาวท่านผู้นำคนปัจจุบันนั่นเอง และ ซารา เองเธอก็ยังมีตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเมืองดาเวาคนล่าสุด ซ้ำหลังจากประกาศเจตนารมณ์ จะสานต่องานคุณพ่อ ผลสำรวจคะแนนนิยม เมื่อเดือน ก.พ.64 ต้นปี เธอก็ยังมีเรตติ้งสูงมาเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังให้ข่าวอีกว่า ยังมีนักการเมืองชื่อดังอีก 2 รายเป็นอย่างน้อย พร้อมลงสมัครชิงตำแหน่ง รองประธานาธิบดี เพื่อเคียงคู่สนับสนุนซาราให้อีกด้วย”

“แต่ ถ้าหากคุณเป็น แมนนี่ ปาเกียว ???” หมอซ้ง ตั้งประเด็นคำถามขึ้น ตามด้วยเหตุผล

“คุณจะลงการเมืองต่อสู้ แค่ตำแหน่ง รองประธานาธิบดีเท่านั้นหรือ ??”

“เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ถ้าปาเกียว เป็นรองปธ. แน่นอน คนทั้งโลกย่อมไม่รู้จัก ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป ทุกคนหากฝันจะไปให้ไกล ย่อมต้องไปให้ถึง ใครๆก็ล้วนแต่ปราถนาจะเข้าวิน ไม่ใช่ เข้าเพลส (อันดับสอง) นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม ถ้าชายผู้ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่างปาเกียว จะลงต่อสู้บนเวทีการเมืองอีกครั้ง เขาจึงจะต้องพุ่งเป้าไปที่ตำแหน่ง ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แต่เพียงสถานเดียว !!”

“และสิ่งสำคัญคือ มันเป็นความตั้งใจจริงของ แมนนี่ มาตั้งแต่ปี 2007 เมื่อลงเล่นการเมืองสมัยแรกแล้ว ถึงวันนี้ เมื่อทุกอย่างสุกงอมลงตัว ย่อมจะขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ แน่นอนไม่ใช่เรื่องง่าย หรือแบเบอร์ แต่หากครั้งนี้คนฟิลิปปินส์ ต้องการและยอมรับจะให้ ฮีโร่ ขวัญใจของเขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำของประเทศ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด”

ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงเหตุผลแค่ส่วนหนึ่ง ที่ “หมอซ้ง” ณรงค์ เฮงตระกูล ผู้เชี่ยวชาญวงการมวยโลก และเป็นคนไทยผู้ใกล้ชิดกับปาเกียว ฟันธงถึงการตัดสินใจของยอดมวยเอเชีย ที่จะหันหลังให้กับสังเวียนการชก แล้วเลือกลงเล่นการเมือง เพื่อชิงตำแหน่ง ผู้นำฟิลิปปินส์ อย่าง 100 % เต็มตัวในครั้งนี้ นั่นเอง …..

สอดสร้อย สาวสังเวียน รายงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน