จากกรณี ที่ประเทศไทย โดย องค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก วาดา แบน ธงชาติไทย เพลงชาติไทย และสิทธิ์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฯลฯ ทำให้ ทางการไทยเร่งแก้ไขกฎหมาย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดย พ.ร.ก. ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา

โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอยู่ในมาตรา 29 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบการใช้สารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้าม เก็บตัวอย่างส่งตรวจ รายงานผลการตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้าม และให้มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(1) เข้าไปเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ หรือส่วนประกอบของร่างกายจากนักกีฬา เพื่อนำไปตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามในการแข่งขันกีฬาหรือนอกการแข่งขันกีฬาในสถานที่และเวลาใด ๆ ที่นักกีฬาพักอาศัยหรือฝึกซ้อมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

(2) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสารหรือหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามมาเพื่อตรวจสอบหรือประกอบการพิจารณา การเข้าไปตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามนอกการแข่งขันกีฬาตาม (1) ให้กระทำ ระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก *** เว้นแต่มีเหตุอันควรสงสัยว่านักกีฬามีการใช้สารต้องห้าม หรือวิธีการต้องห้ามและหากปล่อยเนิ่นช้าจะกระทบต่อกระบวนการในการตรวจสอบ ให้เข้าไปตรวจหาสารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามในเวลากลางคืนก็ได้”

โดยรายงานข่าวระบุว่าในอดีตมีบางสมาคมกีฬาที่ขัดขวางการเข้าเก็บตัวอย่างในเวลากลางคืน นำมาซึ่งมูลเหตุที่ วาดา ตั้งคำถามการต่อต้านสารกระตุ้นของไทย และถูกแบนในที่สุด

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เวลานี้ถือว่าได้ประกาศเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว หลังเทศกาลปีใหม่ รัฐบาลไทย, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย จะส่งเรื่องไปยัง วาดา เพื่อให้ทันการพิจารณาในประเด็นนี้ในปลายเดือน ม.ค. ซึ่งเรามั่นใจว่า พ.ร.ก.ที่แก้ไข ได้ตรงตาม วาดา โค้ดแล้ว

“เรื่องการของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในเวลานี้ถือว่าได้ปลดล็อกแล้ว ไม่มีปัญหา ส่วนที่ต้องขอให้ วาดาพิจารณาคือ การยกเลิกการแบน ธงชาติ, เพลงชาติ, การเป็นคณะกรรมการบริหารสหพันธ์กีฬานานาชาติ และการเป็นตัวแทน วาดา ต่อไปและหาทุกอย่างลงตัวจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนจะได้รับการปลดล็อก อย่างไรก็ตาม หากไม่ลงตัว จะยื่นเสนอต่อ ศาลอนุญาโตตุลาการทางการกีฬา(ซีเอเอส) ซึ่งน่าจะใช้เวลา 1-3 เดือน แต่มั่นใจว่าทันต่อการปลดล็อกธงชาติไทยในเอเชียนเกมส์ ที่หางโจวแน่นอน”

“สำหรับประเด็นสำคัญคือ มาตรา 29 นั้น ถือเป็นสาระสำคัญ ซึ่งเราได้มีการแก้ไขแล้ว จากเดิมที่อาจจะไม่สามารถเข้าตรวจในยามวิกาล ซึ่งขัดต่อระเบียบปฏิบัติในการตรวจหาสารกระตุ้นของวาดา ที่จะต้องตรวจได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าจะทำให้ วาดา มั่นใจในแนวทางของกฎหมายฉบับใหม่”

นอกจากนี้ ดร. ก้องศักด ยังยืนยันว่าในประเด็นการต้องแยก หน่วยงานต่อต้านสารกระตุ้น ออกจาก หน่วยงานรัฐนั้น ตรงนี้ ไทยอาจจะยังไม่ได้แยกออกมาแต่มีกำหนดในกฎหมายชัดเจนในมาตรา 18 ซึ่งระบุว่าให้จัดตั้งสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาเป็นหน่วยงานในการกีฬา
แห่งประเทศไทย ที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติงาน และให้มีหน้าที่และอำนาจ

“ทางเราได้ส่งร่างกฎหมายให้หน่วยงานของวาดา ในการพิจารณา และหารือร่วมกัน ณ เวลานี้ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะ กฎวาดาเองไม่ได้กำหนดให้ หน่วยงานต้องแยกจากหน่วยงานรัฐ แต่หากในอนาคต เกิดมีประเด็นนี้ขึ้นมา ทางเราก็พร้อมจะแก้ไข”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน