“ผีแดง” แมนฯยู เร่งเครื่องแซงเอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ในฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อ 14 ม.ค. คว้าชัยติดต่อกันเป็นเกมที่ 9 ในทุกรายการ

เกมครึ่งแรก แมนฯยู ครองเกมรุกได้มากกว่า โดยนาที 11 บรูโน แฟร์นันเดส ได้สับไกในกรอบเขตโทษบอลถากเสาไกลออกไป และนาที 34 เกมสวนเร็วของแมนฯยู ไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ผ่าน เอแดร์สัน นายทวารเรือใบ เหลือหน้าประตูโล่งๆ แต่ มานูเอล อาคันจี ยังลงมาปิดมุมล้มตัวบล็อกเอาไว้ได้

ครึ่งหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือเรือใบ ปรับแผนโดนโหมบุกฝั่งขวาของแมนฯยูอย่างหนัก นาที 57 แมนฯซิตี้ ถอด ฟิล โฟเดน ออก และส่ง แจ็ก กรีลิช ลงมาแทน จากนั้น 3 นาทีถัดมา เควิน เดอ บรอยน์ เปิดเข้ากลางให้ กรีลิช เทกตัวขึ้นโขกเน้นๆ เข้าไปตุงตาข่าย

แมนฯยูยังไม่ท้อ นาที 79 คาเซมิโร่ แทงทะลุช่องเข้ามาให้ บรูโน แฟร์นันเดส ยิงสวนตัวเอแดร์สัน นายทวาร ซิตี้ เข้าไป โดยตอนแรก ผู้ตัดสินยกธงเป็นล้ำหน้า เนื่องจากก่อนบอลจะถึง บรูโน่ มี แรชฟอร์ด ที่ก่ำกึ่งในตำแหน่งล้ำหน้าวิ่งประคองบอล แต่หลังจากพิจารณาแล้ว ชี้ให้เป็นประตูตีเสมอ 1-1

นาที 82 เกมพลิก บรูโน่ แทงให้ การ์นาโช่ เจ้าหนูวัย 18 ปีที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน คริสเตียน อิริกเซ่นไม่นาน ก่อนจะเปิดให้ มาร์คัช แรชฟอร์ด แปเผาขนเข้าไปให้ทีม แซงนำ 2-1 และเป็นการยิงให้แมนฯยูแล้ว 7 เกมติดต่อกัน และยังเป็นการยิงในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 9 เกมติดต่อกันอีกด้วย เป็นนักเตะคนแรกที่ทำได้ต่อจาก เดนนิส วิโอลเลต ในปี 1959 โดยฤดูกาลนี้ แรชฟอร์ด ยิงไปแล้วรวม 16 ประตูในทุกรายการ

แมนฯยู
หลังจากนั้น แมนฯยู กลับมาครองเกมได้เหนือกว่าและปิดเกมเอาชนะไปได้ 2-1 ถอนแค้นได้สำเร็จหลังโดน แมนฯซิตี้ ไล่ยำในเกมแรกที่อิติฮัด สเตเดี้ยม 3-6

ผ่าน 18 นัด แมนฯยู อยู่ในตำแหน่งที่สามารถท้าชิงแชมป์ลีกได้แล้วหลัง ขยับขึ้นแซง นิวคาสเซิล ขึ้นมารั้งอันดับ 3 มี 38 แต้ม และยังมีแต้มตามหลัง แมนฯซิตี้ เหลือแค่ 1 คะแนน และตามหลัง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จ่าฝูง 6 คะแนน (แข่งมากกว่า 1 นัด)

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน