จากกรณีดรามาระหว่าง มวยไทย กับ กุน ขแมร์ ที่จะถูกบรรจุในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา เป็นเจ้าภาพในช่วงเดือน พฤษภาคม โดย สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟมา) ออกมาประกาศแบน ชาติสมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขันกุนขแมร์ เนื่องจากถือว่าเป็นการทำผิดกฎระเบียบของสหพันธ์ฯ ขณะที่ทาง สหพันธ์กุน ขแมร์นานาชาติ ก็ออกมายืนยันว่าขณะนี้ มี 6 ชาติตอบรับเข้าร่วมแข่งขันแล้วคือ กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย
ล่าสุด “ทิม ศิษย์สองพื่น้อง” ทิมาธี ธรรมาชีวะ หัวหน้าค่ายมวยศิษย์สองพี่น้อง ผู้คร่ำวอดอยู่ในวงการมวยไทย ออกมาเผยถึงกรณีนี้ว่า ช่วงนี้มีการนำเรื่อง กุน แขมร์ ไปขยายผล ทั้งๆที่กีฬาต่างๆในชาติสมาชิก มีสิทธิเสนอกีฬาใดๆก็ได้ หรือไม่จัดกีฬาใดๆก็ได้ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว กุนขแมร์ไม่ได้เกี่ยวกับมวยไทย เป็นเพียงศิลปะป้องกันตัวชนิดหนึ่งของกัมพูชา หรือ เขมร แต่อิฟม่า (อิฟมา) ไปขยายวง ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีสิทธิเลย เพราะไม่ใช่องค์กรในนามประเทศไทย แต่ทำให้เกิดประเด็นตามที่เป็นข่าว อีกทั้งซีเกมส์เป็นกีฬาเพื่อความสามัคคีของประเทศในภูมิภาค ซึ่งมวยไทยก็คือมวยไทย ไม่น่าไปเปรียบเทียบกับกีฬาของชาติใดเลย และมวยไทยไปไกลมากแล้ว ทั้งมวยอาชีพและสมัครเล่น ไปไกลกว่าที่จะไปสนใจกุนแขมร์ ที่อยู่ในซีเกมส์
กรณี ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานอีฟม่า แถลงการณ์ว่า จะรวบเอาทั้งมวยไทยสมัครเล่นและมวยไทยอาชีพ ถามว่าภาครัฐบาลมีมุมมองอย่างไร ทำไมต้องยกผลประโยชน์ของชาติไปให้องค์กรเอกชน หรือองค์กรต่างชาติ คืออีฟม่า ทั้งๆที่สมบัติของชาติมาจากบรรพบุรุษ และถือว่าเป็นผลประโยชน์ของคนไทยทั้งหมด
ขอเรียกร้องหน่วยงานภาครัฐเข้าตรวจสอบโดยด่วน คนกลุ่มนี้จะฮุบผลประโยขน์ของชาติ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของคนไทยทุกคนไปอยู่ในมือของตนเอง โดยมีพรรคการเมืองใหญ่เป็นผู้สนับสนุนทั้งระบบและอ้างว่าเพื่อนำมวยไทยไปโอลิมปิก นอกจากนี้ยังทราบว่า มีการส่งเรื่องเหล่านี้ไปยัง ประชาชนให้ตรวจสอบแล้ว แต่เรื่องยังเงียบสนิท เราต้องช่วยกันทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพื่อเป็นผลประโยชน์ของชาติอันแท้จริงต่อไป