“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายในงานเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้กับคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ทางนายกรัฐมนตรีได้ฝากหลายสิ่งหลายอย่างให้กับวงการกีฬาไทย เพราะส่วนตัวท่านชอบกีฬาด้วย ทุกครั้งที่ท่านมีโอกาสก็จะตามเชียร์นักกีฬาไทยด้วย ท่านได้ให้ข้อคิดต่างๆ ทั้งเรื่องของความมุ่งมั่นบากบั่นสู้สุดใจ ซึ่งท่านเน้นมากว่านักกีฬาจะต้องมีสิ่งเหล่านี้ จึงจะประสบความสำเร็จ

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวอีกว่า ท่านนายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้ทัพนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ช่วงวันที่ 23 กันยายน-8 ตุลาคมนี้ รวมทั้งท่านยังพร้อมสนับสนุนวงการกีฬาไทยด้วย ส่วนตัวก็ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดด้วย ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะดูแลตรงนี้ให้ สำหรับแผนการเตรียมพร้อมทัพนักกีฬาไทย สู้ศึกเอเชียนเกมส์ ก็ได้มีการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง และเราก็คงจะเน้นเรื่องการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยให้เข้มข้นยิ่งขึ้นตามที่ท่านนายกฯ ได้พูดถึงด้วยในการสนับสนุนของรัฐบาลในเรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา

“สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักกีฬาได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เรื่องของการฝึกซ้อมก็ไม่น่ากังวล เพราะว่าทุกสมาคมกีฬาได้มีแผนเตรียมการอยู่แล้วตามที่เราจะมีความต่อเนื่องไปจนถึงการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์เกมส์ และมาร์เชียลอาร์ต ที่ประเทศไทยยังเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งรายการที่จะมีความต่อเนื่องไปหลังจากนี้ไปจนถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดชิงชัยในปี 2568 ก็คงไม่มีปัญหา ไม่น่ากังวลอะไร”

ดร.ก้องศักด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการทำงานของ กกท.ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนั้น คิดว่าจะมีความต่อเนื่อง เพราะว่าในแผนของ กกท. เรายึดแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะดำเนินการถูกกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว และก็มีความมั่นใจว่าพรรคไหนจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ยินดีที่จะสนับสนุนกีฬา เพราะหลายๆ พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นขั้วเดิม หรือขั้วใหม่ เราก็ได้เห็นทิศทางแล้ว และการแสดงความเห็นต่างๆ ว่าอยากที่จะใช้กีฬาในการพัฒนาคน และเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้เป็นซอฟต์ เพาเวอร์ โดยเฉพาะมวยไทย คิดว่าคงไม่มีความขัดแย้งในแง่ของการพัฒนากีฬาไทย

“ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬา เป็นโชคดีของวงการกีฬาไทย คือเราก็อยากที่จะเห็นความต่อเนื่อง เพราะว่าการพัฒนากีฬาของเราอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าพัฒนาต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนเรื่องศูนย์ฝึกซ้อมกีฬา และวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยเฉพาะการกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค ผมคิดว่าตอนนี้เริ่มที่จะเข้าที่เข้าทางแล้ว และยังเชื่อมั่นว่าในนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลชุดถัดไปไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็จะทำให้การพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน และก็หลายพรรคการเมืองก็เห็นว่ากีฬาสามารถสร้างรายได้ ทั้งการสนับสนุนกีฬารายการใหญ่ๆ ในมาจัดที่เมืองไทยอย่างเช่น โมโตจีพี และมหกรรมกีฬาอื่นๆ ที่ผมคิดว่าจะเกิดมากขึ้นจากการที่ได้เห็นแล้วว่า กีฬากับการท่องเที่ยวสามารถเชื่อมโยงกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกันได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน