ทุกความผิดหวังมักมาพร้อมกับการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิต “หวาน” จุฑามาศ รักสัตย์ คือหนึ่งในคนที่โดนความผิดหวังเล่นงานจนสาหัส

เริ่มแรกเดิมที จุฑามาศ เดินในเส้นทางสายตะกร้อ เธอเข้าสู่โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา ด้วยความต้องการจะใช้เท้า และลำแข้งหาเลี้ยงชีพ แต่ดูเหมือนยิ่งซ้อมเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างไกลจากเป้าหมาย

เมื่อเห็นท่าไม่ดีพี่ชายอย่าง พยุงศักดิ์ รักสัตย์ ซึ่งเป็นครูสอนมวยอยู่แล้ว จึงแนะนำให้ จุฑามาศ ลองเปลี่ยนมาใช้กำปั้นแทน โดยมาอยู่กับ โค้ชเพิก พึ่งปัญญา (โค้ชมวยสากลทีมชาติปัจจุบัน) ให้เริ่มสอนกันตั้งแต่วิธีกำหมัด

ไหวพริบ และเซนส์การต่อสู้ของ จุฑามาศ พัฒนาขึ้นอย่างโดดเด่น จนคว้าแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ, กีฬาแห่งชาติ, มวยสากลชิงแชมป์ประเทศไทย ทำให้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติตอนอายุย่างเข้า 18 ปี โดยทัวร์นาเมนต์แรกที่มีธงไตรรงค์ปักอยู่บนหน้าอก เป็นศึกที่ไต้หวัน จุฑามาศ ก็ไม่พลาดที่จะคว้าแชมป์มาครอง ก่อนจะวนเวียนอยู่ในสารบบทีมชาติมาเรื่อยๆในรุ่น 48 กิโลกรัม และ 50 กิโลกรัม แล้วแต่โอกาส

ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย แต่กำแพงของการเป็นเบอร์ 1 นั้นไม่เพียงแค่สูง แต่ยังมีคู่แข่งมากมาย เธอ เริ่มมาผิดหวังกับซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ ทำได้เหรียญเงิน ต่อด้วย ซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย ตกรอบมือเปล่า ถัดมา เอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย ก็จอดเพียงรอบ 8 คนสุดท้าย ขณะที่ทัวร์นาเมนต์คัดโควตาโอลิมปิก ซึ่งเป็นความฝันก็ไม่เคยได้รับเลือก

ด้วยความผิดหวังอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ที่ดำดิ่ง และอายุที่เริ่มมากขึ้น ทำให้ จุฑามาศ เกือบจะตัดสินใจแขวนนวมละทิ้งความฝันไปแล้ว แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากนักจิตวิทยา และครอบครัว ที่ช่วยกันให้กำลังใจลองสู้อีกสักต้ัง

และแล้วความพยายามของ จุฑามาศ ก็ได้รับการตอบแทน เธอ ประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทอง ในซีเกมส์ 2021 ที่เวียดนาม และได้รับโอกาสให้มาล่าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” ก่อนจะทำได้เกินเป้า ก้าวไปคว้าเหรียญเงิน

ตอนนี้ความคิดที่จะเลิกเล่นของ จุฑามาศ ได้หายไปไม่เหลือแม้แต่เศษเล็กเศษน้อย เธอ ได้กลับมาสู่เส้นทางฝันของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ ในวัย 30 ปี

คำว่าฟ้าหลังฝนอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วกับ “หวาน” จุฑามาศ รักสัตย์ จากนี้จะไม่ใช่แค่เดินตาม แต่เป็นการเดินบนเส้นทางฝันที่มีชื่อว่าโอลิมปิกเกมส์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน