ศึกรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศยูโร 2020 อังกฤษเปิดบ้านคว้าชัยเหนืออิตาลี ทำให้อังกฤษการันตีการเข้าสู่รอบสุดท้าย ยูโร 2024 ในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว

การแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม กลุ่มซี “สิงโตคำราม”อังกฤษ รองแชมป์เก่าปี 2020 เปิดสนามเวมบลีย์ สเตเดียม เจอแชมป์เก่าอย่าง “อัซซูรี”อิตาลี

เกมนี้เจ้าบ้านส่ง แฮร์รี เคน, จูด เบลลิงแฮม, มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนาม ส่วนทีมเยือนใช้งาน จานลูกา สกามักกา, โดเมนิโก เบราร์ดี, ดาวิเด ฟราตเตซี

นาที 15 โดเมนิโก เบราร์ดี จ่ายบอลไปทางริมเขตโทษด้านขวาให้ โจวานนี ดิ โลเรนโซ โฉบมาตวัดเปิดเรียดเข้ากลางไปถึง จานลูกา สกามักกา เข้าฮอร์สไม่เหลือซาก อิตาลีนำ 1-0

นาที 28 จูด เบลลิงแฮม กระชากบอลเข้าเขตโทษแล้วโดน โจวานนี ดิ โลเรนโซ เสียบสกัดล้มลง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ และยังยืนยันเช่นเดิมหลังเช็กวีเออาร์ แฮร์รี เคน สังหารเข้าไปในนาที 32 อังกฤษตีเสมอ 1-1

นาที 44 โอกาสเป็นของอังกฤษ แฮร์รี เคน จ่ายบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากหนีกองหลังเข้าเขตโทษแล้วยิงด้วยซ้าย จานลุยจิ ดอนนารุมมา ยังล้มตัวเซฟทัน

นาที 45+2 อิตาลีเองก็มีลุ้นได้ประตู เดสตินี อูโดกี ทำชิ่งกับเพื่อนจนหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย จากนั้นอูโดกีล็อกหลบคู่แข่งแล้วยิงด้วยขวา จอร์แดน พิกฟอร์ด ล้มตัวเซฟได้หวุดหวิด จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

ครึ่งหลังนาที 57 อังกฤษสบโอกาสสวนกลับ จูด เบลลิงแฮม ควบบอลข้ามมาแดนอิตาลีแล้วจ่ายต่อให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เลี้ยงจี้ใส่กองหลังจนเข้าถึงพื้นที่เขตโทษ จากนั้นสบช่องสับไกยิงเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด เจ้าบ้านนำ 2-1








Advertisement

นาที 68 ฟิล โฟเดน ทำชิ่งกับเพื่อนแล้วยิงจากนอกเขตโทษระยะประมาณ 20 หลา จานลุยจิ ดอนนารุมมา ล้มตัวเซฟกระฉอกเล็กน้อยก่อนตามไปรับไว้ได้ อังกฤษบวกสกอร์เพิ่มไม่สำเร็จ

นาที 77 มาร์ก เกฮี หวดบอลขึ้นหน้าแล้วแนวรับอิตาลีโหม่งสกัดไปเข้าทาง แฮร์รี เคน ควบจากบริเวณครึ่งสนามหลุดไปถึงเขตโทษ ก่อนยิงผ่านนายทวารไม่เหลือซาก จบเกมอังกฤษจึงชนะไป 3-1

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน มอลตา แพ้ ยูเครน 1-3

สถานการณ์ของกลุ่มนี้ อังกฤษผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว ส่วนยูเครนกับอิตาลีต้องแย่งชิงอีกโควตาที่เหลือ ซึ่งจะมีแมตช์ที่ทั้งคู่เจอกันเองอยู่ด้วย ขณะที่นอร์ทมาซิโดเนียและมอลตาตกรอบโดยไม่ได้ลุ้นแม้แต่เพลย์ออฟ

อันดับบนตารางคะแนน 1. อังกฤษ (ลงสนาม 6 นัด : 16 คะแนน), 2. ยูเครน (ลงสนาม 7 นัด : 13 คะแนน), 3. อิตาลี (ลงสนาม 6 นัด : 10 คะแนน), 4. นอร์ทมาซิโดเนีย (ลงสนาม 6 นัด : 7 คะแนน), 5. มอลตา (ลงสนาม 7 นัด : 0 คะแนน)

กลุ่มจี เป็นศึกสายเลือดระหว่างเซอร์เบียที่เปิดบ้านต้อนรับมอนเตเนโกร แมตช์นี้เซอร์เบียชนะไป 3-1

เจ้าบ้านได้ประตูจาก อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช นาที 9 และ 73, ดูซาน ทาดิช นาที 77 ส่วนทีมเยือนได้จาก สเตฟาน โยเวติช นาที 36

ผลอีกคู่ ลิทัวเนีย เสมอ ฮังการี 2-2

สถานการณ์ของกลุ่มนี้ ฮังการี, เซอร์เบีย และมอนเตเนโกรต้องแย่งกันเข้ารอบสุดท้าย โดยฮังการีและเซอร์เบียต้องการอีกเพียง 1 คะแนน ก็จะฉลุยทันที ส่วนลิทัวเนียตกรอบสนิท ขณะที่บัลแกเรียยังพอมีลุ้นตั๋วเพลย์ออฟจากผลงานในยูฟ่า เนชันส์ ลีก 2022-23

อันดับบนตารางคะแนน 1. ฮังการี (ลงสนาม 6 นัด : 14 คะแนน), 2. เซอร์เบีย (ลงสนาม 7 นัด : 13 คะแนน), 3. มอนเตเนโกร (ลงสนาม 6 นัด : 8 คะแนน), 4. ลิทัวเนีย (ลงสนาม 7 นัด : 6 คะแนน), 5. บัลแกเรีย (ลงสนาม 6 นัด : 2 คะแนน)

กลุ่มเอช ไอร์แลนด์เหนือแพ้คาบ้านต่อสโลวีเนีย 0-1 ทำให้สโลวีเนียยังนำจ่าฝูงต่อไป

ทีมเยือนได้ประตูชัยจาก อดัม กเนซดา เชริน นาที 5 ขณะที่เจ้าบ้านต้องเหลือ 10 คน เชีย ชาร์ลส์ ถูกไล่ออกนาที 58

ผลคู่อื่น ฟินแลนด์ แพ้ คาซัคสถาน 1-2, ซานมาริโน แพ้ เดนมาร์ก 1-2

สถานการณ์ของกลุ่มนี้ สโลวีเนีย, เดนมาร์ก และคาซัคสถานต้องแย่งกันเข้ารอบสุดท้าย โดยสโลวีเนียและเดนมาร์กต้องการอีก 3 คะแนน ก็จะฉลุยทันที ส่วนฟินแลนด์ตกรอบแต่จะได้ไปเพลย์ออฟต่อแน่นอนจากผลงานเนชันส์ ลีก ไอร์แลนด์เหนือและซานมาริโนตกรอบสนิท

อันดับบนตารางคะแนนหลังผ่าน 8 นัดเท่ากัน 1. สโลวีเนีย (19 คะแนน), 2. เดนมาร์ก (19 คะแนน), 3. คาซัคสถาน (15 คะแนน), 4. ฟินแลนด์ (12 คะแนน), 5. ไอร์แลนด์เหนือ (6 คะแนน), 6. ซานมาริโน (0 คะแนน)

รายชื่อทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้ว : เยอรมนี (เจ้าภาพ), เบลเยียม, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, สเปน, สกอตแลนด์, ตุรกี, ออสเตรีย, อังกฤษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน