แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หล่นไปบ๊วยกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หลังเกมล่าสุดออกนำถึง 2 ประตู แต่มาเหลือผู้เล่น 10 คน แล้วโดนเอฟซี โคเปนเฮเกน แซงชนะ

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน กลุ่มเอ เอฟซี โคเปนเฮเกน จากเดนมาร์ก เปิดสนามปาร์กเกน รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ

เกมนี้เจ้าบ้านส่ง วิกตอร์ แคลสสัน, โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี, เอเลียส อาชูรี ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนนำโดย ราสมุส ฮอยลุนด์, บรูโน แฟร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด

เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที อารอน วาน-บิสซากา ครองบอลทางริมเส้นด้านขวา แล้วหาช่องจ่ายเข้าเขตโทษให้ สกอตต์ แม็กโทมิเนย์ สอดมารับก่อนตบเข้ากลางไปถึง ราสมุส ฮอยลุนด์ ยิงโล่งๆ ไม่มีพลาด แมนฯ ยูไนเต็ดออกนำ 1-0

นาที 28 แมนฯ ยูไนเต็ดได้โอกาสสวนกลับ บรูโน แฟร์นานเดส จ่ายบอลให้ อเลฮานโดร การ์นาโช กระชากหนีกองหลังไปถึงพื้นที่เขตโทษแล้วยิงติดเซฟนายทวาร แต่ยังมี ราสมุส ฮอยลุนด์ ปราดเข้าซ้ำดาบสองไม่เหลือ ทีมเยือนทิ้งห่าง 2-0

นาที 29 โอกาสเป็นของแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง และเป็น ราสมุส ฮอยลุนด์ เกือบทำแฮตทริกได้ หลังผู้เล่นโคเปนเฮเกนทำพลาดจนลูกหลุดมาให้เจ้าตัวซัดด้วยซ้ายในเขตโทษ คามิล กราบารา ยังพุ่งปัดทิ้งได้เยี่ยม

นาที 40 ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ย้อนหลังจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ปะทะกับ เอเลียส เยเลิร์ต แล้วเห็นว่าแรชฟอร์ดย่ำใส่อีกฝ่ายถือเป็นการเล่นรุนแรง แรชฟอร์ดจึงได้รับใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม แมนฯ ยูไนเต็ดต้องเหลือ 10 คน

ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่แรชฟอร์ดถูกไล่ออก ผู้ตัดสินยังให้ฟรีคิกย้อนหลังแก่โคเปนเฮเกนตรงจุดที่เยเลิร์ตถูกปะทะบริเวณใกล้เส้นเขตโทษด้านซ้าย ดิโอโก กอนซัลเวส ตัดสินใจยิงเลยแล้วมีนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดโหม่งเปลี่ยนทางไปชนคานในนาที 44

นาที 45 ปีเตอร์ แอนเคอร์เซน เปิดบอลจากด้านขวาลอยไปเสาสอง ดิโอโก กอนซัลเวส ไม่รอบอลตกพื้นแปจังหวะเดียวให้ โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี ตวัดยิงเข้าไป โคเปนเฮเกนไล่มาเป็น 1-2

นาที 45+7 โคเปนเฮเกนเปิดบอลเข้าเขตโทษแล้วเกิดจังหวะขลุกขลิกกันอยู่ แต่ผู้ตัดสินเห็นว่าบอลไปโดนแขน แฮร์รี แม็กไกวร์ จึงเป่าเป็นจุดโทษ ดิโอโก กอนซัลเวส รับหน้าที่สังหารเข้าไป จบครึ่งแรกจึงเสมอกัน 2-2

ครึ่งหลังนาที 52 แมนฯ ยูไนเต็ดมีโอกาสลุ้นใส่สกอร์ อเลฮานโดร การ์นาโช ส่งบอลให้ ดิโอโก ดาโลต์ โฉบมารับทางด้านซ้ายของเขตโทษแล้วยิงมุมแคบพุ่งไปติดเซฟ คามิล กราบารา ที่ปิดมุมอยู่แล้ว

นาที 66 ผู้ตัดสินดูวีเออาร์ย้อนหลังจังหวะที่ แฮร์รี แม็กไกวร์ โหม่งบอลไปโดนแขน ลูคัส เลราเกอร์ ก่อนจะเป่าให้จุดโทษแมนฯ ยูไนเต็ด บรูโน แฟร์นานเดส สังหารเข้าไปอย่างเด็ดขาด แมนฯ ยูไนเต็ดนำอีกครั้ง 3-2

นาที 83 ราสมุส ฟอล์ก เคาะบอลกับเพื่อนบริเวณด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนที่ฟอล์กจะเปิดลึกไปหน้าประตูให้ ลูคัส เลราเกอร์ เข้าชาร์จระยะเผาขนเข้าไป แก้ตัวได้สำเร็จและช่วยให้เจ้าบ้านตีเสมอ 3-3

นาที 87 นิโคไล บอยเลเซน เปิดบอลจากกราบซ้ายของสนามเข้าเขตโทษ แนวรับแมนฯ ยูไนเต็ดสกัดไม่ขาดกระดอนมาเข้าทาง รูนี บาร์ดห์จี วอลเลย์เสียบตาข่าย โคเปนเฮเกนแซงนำ 4-3

นาที 90+5 แมนฯ ยูไนเต็ดมีโอกาสลุ้นตีเสมอ บรูโน แฟร์นานเดส กระชากบอลมายิงจากระยะราว 30 หลา คามิล กราบารา ถึงกับรับกระฉอก แต่กราบาราก็ตามไปรับอีกทีก่อนจะมีใครมาซ้ำทัน จบเกมโคเปนเฮเกนชนะอย่างสนุก 4-3

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) ชนะ กาลาตาซาราย (ตุรกี) 2-1 ทำให้บาเยิร์นการันตีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว

อันดับหลังผ่านไป 4 นัด 1. บาเยิร์น (12 คะแนน – เข้ารอบ), 2. โคเปนเฮเกน (4 คะแนน), 3. กาลาตาซาราย (4 คะแนน), 4. แมนฯ ยูไนเต็ด (3 คะแนน)

กลุ่มบี “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล จากอังกฤษ เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม เอาชนะเซบียา แชมป์เก่ายูฟ่า ยูโรปา ลีก จากสเปน 2-0

เจ้าบ้านได้ประตูจาก เลอันโดร ตรอสซาร์ด นาที 29, บูคาโย ซากา นาที 64

ผลอีกคู่ พีเอสวี (เนเธอร์แลนด์) ชนะ ล็องส์ (ฝรั่งเศส) 1-0

อันดับหลังผ่านไป 4 นัด 1. อาร์เซนอล (9 คะแนน), 2. พีเอสวี (5 คะแนน), 3. ล็องส์ (5 คะแนน), 4. เซบียา (2 คะแนน)

กลุ่มซี “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด จากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ ซานติอาโก เบร์นาเบว เอาชนะสปอร์ติง บรากา จากโปรตุเกส 3-0 ส่งผลให้มาดริดการันตีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์แน่นอนแล้ว

เจ้าบ้านได้ประตูจาก บราฮิม ดิอาซ นาที 27, วินิซิอุส จูเนียร์ นาที 58, โรดรีโก นาที 61 ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสได้ประตูจากจุดโทษ อัลบาโร ดีชาโล ยิงพลาดนาที 6

ผลอีกคู่ นาโปลี (อิตาลี) เสมอ อูนิโอน เบอร์ลิน (เยอรมนี) 1-1

อันดับหลังผ่านไป 4 นัด 1. มาดริด (12 คะแนน – เข้ารอบ), 2. นาโปลี (7 คะแนน), 3. บรากา (3 คะแนน), 4. อูนิโอน (1 คะแนน)

กลุ่มดี เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากออสเตรีย เปิดสนามเรดบูลล์ อารีนา แพ้ต่อ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน รองแชมป์เก่าจากอิตาลี 0-1 ทำให้อินเตอร์การันตีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ส่วนซัลซ์บวร์กจะเหลือลุ้นเพียงโควตายูฟ่า ยูโรปา ลีก

ทีมเยือนได้ประตูชัยจาก เลาตาโร มาร์ติเนซ นาที 85 (จุดโทษ)

ผลอีกคู่ เรอัล โซเซียดาด (สเปน) ชนะ เบนฟิกา (โปรตุเกส) 3-1 โซเซียดาดการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ ขณะที่เบนฟิกาเหลือลุ้นเพียงโควตายูโรปา ลีก

อันดับหลังผ่านไป 4 นัด 1. โซเซียดาด (10 คะแนน – เข้ารอบ), 2. อินเตอร์ (10 คะแนน – เข้ารอบ), 3. ซัลซ์บวร์ก (3 คะแนน), 4. เบนฟิกา (0 คะแนน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน