นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ (ค.ก.ช) ที่มีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติและระดับโลก ประกอบด้วย 1. การแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิก 2030 2.การแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 3.การแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศ โรงเรียนโลก 2026

โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมเพื่อเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความชอบต่อไป และได้มอบหมายการกีฬาแห่งประเทศไทย ดำเนินการการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาไทย สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กเยาวชน และประชาชนให้ได้เรียนรู้กฎ ระเบียบ กติกา และมารยาท ในการแข่งขัน รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการการขับเคลื่อนแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬาของประชาชน Calories Credit Challenge: CCC โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน ดำเนินการเชื่อมโยงและบูรณาการฐานข้อมูลการออกกำลังกาย และเล่นกีฬา รวมทั้ง มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาผ่านแพลตฟอร์ม CALORIES CREDIT CHALLENGE : CCC

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม CALORIES CREDIT CHALLENGE : CCC เป็นแพลตฟอร์ม ที่เชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอเป็นวิถีชีวิต โดยเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลให้เป็นระบบนิเวศ (Eco-system) ทางออนไลน์ที่สมบูรณ์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.2566- 2570) ประชากรทุกภาคส่วนออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2570

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบการส่งเสริมนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬาตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริม “มวยไทย ซอฟพาวเวอร์” โดยมีการกำหนดแนวทางการยกระดับมวยไทยไปมวยโลก ในปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งได้จัดส่งคำของบประมาณสนับสนุนวงเงิน 500 ล้านบาท และ 905 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อมาดำเนินการด้านต่างๆ เช่น การยกระดับค่ายมวย ค่ายมวยไทยพลัส ได้แก่ การจัดทำหลักสูตรมวยไทยเพื่อการท่องเที่ยวการพัฒนาครูมวยไทย การแข่งขัน “มวยไทย ทั่วถิ่นไทย” และการจัดทำทัวร์แพ็คเกจมวยไทย เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน