นพ.มีชัย อินวู๊ด รองผู้ว่าการกกท. เผยยังไม่เห็นหนังสือร้องเรียน “อ๋อ วังโอ่ง” ยืนยันทุกฝ่ายมีสิทธิ์ ลั่นกระบวนตรวจสอบหรือจดทะเบียนรับรองจะไม่ยืดเยื้อ

ตามที่ “อ๋อ วังโอ่ง” นายคมกฤช นภาลัย หนึ่งในผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินทางไปยื่นหนังสือถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หลังมองว่าการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ผ่านมามีการขัดข้อบังคับรวม 4 ข้อ โดยมีนายวิวัฒน์ ชินอาน หัวหน้างานธุรการและสารบรรณกกท.เป็นผู้รับเอกสาร

นายคมกฤช กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีสิ่งที่ผิดไปจากข้อบังคับ เริ่มตั้งแต่ตอนรับสมัครที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้ผู้สมัครใช้เสียงสโมสรรับรองแค่ 3 สโมสรและรับรองได้ทั้งคณะเป็นการผิดข้อบังคับ ซึ่งกกต.ไม่พิจารณาแก้ไขเพื่อให้การรับสมัครเป็นไปตามข้อบังคับ

จากนั้นกกต.ยังตีความระงับสิทธิสโมสรผิดพลาด ทำให้สโมสรที่ถูกระงับจากการไม่ส่งทีมเข้าแข่งขันกลายเป็นผู้มีสิทธิออกเสียง รวมถึงการพิจารณาให้สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) มีสิทธิ์ออกเสียง ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบของกกท. โดยหลังจากสมาคมรับรองความเป็นสมาชิกของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพจะต้องให้รอกกท.รับรองผลการเป็นสมาชิกภาพก่อน จึงได้สิทธิ์ออกเสียง

ขณะเดียวกันในเรื่องของคณะตุลาการ เป็นการนำผู้สมัครที่ทำหน้าที่ในฟุตบอลไทยลีกมาสมัคร ในกรณีนี้บางครั้งเขาก็อนุโลมกัน แต่การอนุโลม ไม่สามารถนำมาใช้ในการดำเนินงานซึ่งต้องเป็นไปตามข้อบังคับสมาคมฟุตบอลได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.มีชัย อินวู๊ด รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร ในฐานะนายทะเบียนที่จะทำหน้าที่จดทะเบียนให้กับผู้บริหารชุดใหม่ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ตนได้รับข่าวมาบ้างเหมือนกันว่ามีผู้สมัครร้องเรียนการเลือกตั้งว่าไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสมาคม แต่ว่าถึงตอนนี้หนังสือร้องเรียนยังมาไม่ถึง และตนยังไม่ได้เห็นข้อร้องเรียน อย่างไรก็ตามในวันเลือกตั้งนายกสมาคมรวมถึงผู้บริหารชุดใหม่ เมื่อ 8 ก.พ. มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของกกท. เข้าร่วมสังเกตการณ์อยู่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกกท.ไม่ได้ทักท้วงกระบวนการเลือกตั้ง ทั้งนี้อาจจะเป็นได้ว่าในช่วงเลือกตั้งนั้นไม่มีผู้ทักท้วงทำให้เจ้าหน้าที่ของกกท.ปล่อยให้การเลือกตั้งดำเนินการต่อไป

“การร้องเรียนเป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้ว และกกท. พร้อมรับฟังข้อร้องเรียนของผู้เกี่ยวข้องทุกคน โดยกกท.มีฝ่ายกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อมีการร้องเรียนฝ่ายกฎหมายจะทำการตรวจสอบด้วยการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล รวมถึงไปศึกษาระเบียบข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลควบคู่ไปด้วย”

“แน่นอนว่าเมื่อมีการร้องเรียนเมื่อได้รับผลจากการที่ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบแล้วจะมีคำตอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือผู้ร้องเรียนเป็นฝ่ายถูกมีความเป็นไปได้ที่การเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลครั้งนี้เป็นโมฆะและจะต้องทำการเลือกตั้งใหม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับระเบียบของแต่ละสมาคมเองว่าจะจัดการอย่างไร อย่างที่ 2 คือการร้องเรียนไม่เป็นผล ถ้าผลออกมาแบบนี้นายทะเบียนจะตรวจสอบเอกสารจากสมาคมว่ามีการลงชื่ออะไรเรียบร้อยหรือไม่จากนั้นจะรับจดทะเบียนให้กับผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์”

“อย่างที่บอกว่าเรามีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องร้องเรียนกว่าจะมาถึงฝ่ายกฎหมายยังมีอีกหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา การหารือร่วมกันของทั้งสองฝ่าย หรือกระบวนการอื่นๆ ที่สามารถทำได้เพื่อให้การจดทะเบียนไม่ล่าช้า อย่างไรก็ตามด้วยการที่สมาคมฟุตบอลเป็นสมาคมใหญ่กฎระเบียบต่างๆ ล้อมาจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ดังนั้นคงตรวจสอบไม่ยาก ที่สำคัญฟุตบอลทีมชาติจะเริ่มกลับมาแข่งอีกแล้ว คงต้องรีบดำเนินการให้มีผู้บริหารชุดใหม่เข้าทำงานสานต่อจากชุดเก่า แต่ทั้งนี้ผมยืนยันได้ว่าทั้งกระบวนการตรวจสอบคำร้องเรียน หรือกระบวนการรับจดทะเบียนจะไม่ล่าช้าอย่างแน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน