(10 ก.พ.63) แม้เตรียมตัวสำหรับไฟต์นี้มาร่วม 2 เดือน แต่ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ยอมรับว่าการฟิตซ้อมและวางแผนแก้เกมเพื่อเตรียมชกกับนักมวยรัสเซีย “จามาล ยูซูพอฟ” ใช้ไม่ได้กับนักมวยไทยด้วยกันอย่าง “พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ที่มาขัดตาทัพในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการแข่งขัน

หนึ่งในนักมวยเอกของค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี “เจ้าวิน” เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี นักมวยจากอุบลราชธานี ที่ถูกวางตัวเป็นคู่เอกของศึก ONE: WARRIOR’S CODE ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เดิมทีจะต้องขึ้นสังเวียนกับ “จามาล ยูซูพอฟ” นักมวยจากแดนหมีขาว ที่เพิ่งชนะ “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” ชนิดช็อกโลกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

แต่เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวคู่ชกอย่างกะทันหัน เพราะเหตุสุดวิสัยจากความเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างฉับพลัน โดยตัว จามาล เองก็รู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ชกในไฟต์นี้เนื่องจากมีเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต เป็นเดิมพัน

และแล้ว “คนที่พร้อมที่สุด” อย่าง “พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ก็ตกลงขึ้นสังเวียนในฐานะ “นักมวยขัดตาทัพ” โดยผ่านขั้นตอนการตรวจสอบตามเงื่อนไขครบถ้วนทุกอย่าง ทั้งน้ำหนักของรุ่นเฟเธอร์เวต (65.9-70.3 กก.), ไม่ติดสัญญาชกที่ไหน, เว้นระยะวันชกตามเงื่อนไขของ พ.ร.บ.มวย และตรวจสุขภาพผ่านตามกฎระเบียบสากลของ วัน แชมเปียนชิพ

ในฐานะที่เป็นตัวยืน เพชรมรกต ซึ่งรอสแตนบายก็เพิ่งรู้ตัวว่าคู่ชกของเขา คือนักชกไทยรุ่นพี่อย่าง พงษ์ศิริ ในเวลา 2 วันก่อนการแข่งขัน แม้จะเตรียมความพร้อมและฟิตซ้อมมาร่วม 2 เดือนก็จริง แต่การเปลี่ยนคู่ชกนั่นหมายความว่าแผนการชกและเทคนิคต่างๆ ที่ตั้งใจจะนำมาใช้กับนักชกต่างชาติอย่าง จามาล ก็ต้องเป็นหมัน เพราะอาจใช้ไม่ได้กับนักชกไทยอย่าง พงษ์ศิริ

“ผมยอมรับว่าฟอร์มการชกครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ และต้องกลับไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นครับ การเปลี่ยนคู่ชกมีผลมากพอสมควร เพราะที่เราเตรียมตัวมาร่วม 2 เดือน เราซ้อมไว้ใช้กับ จามาล แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น พี่พงษ์ศิริ ซึ่งเป็นนักมวยไทยเหมือนกัน ไทยเจอกับไทยเราต่างก็เคยรู้เห็นฝีมือกันอยู่ เราต่างรู้ทางกันดี แน่นอนว่ามันก็ทำให้การชกยากขึ้นจากที่เราคิดไว้ครับ”

“ผมก็เตรียมศอกมาใช้กับ จามาล แต่กับ พี่พงษ์ศิริ เขากันศอกได้ดีมาก ทำให้ผมติดๆ ขัดๆ จึงต้องเปลี่ยนมาเป็นการแย็บแทน ซึ่งมันก็ผิดไปจากแผนที่เราเตรียมมา ผมขอชื่นชมพี่เขานะครับ เขามาเต็มที่จริงๆ พยายามต่อยกันให้สนุก และเขาเก่งก็มากด้วยครับ”

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับนับถือในสปิริตของนักกีฬาทั้งคู่ ซึ่งไม่ว่าใครจะได้ชัยชนะครั้งนี้ เข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต เส้นแรกในประวัติศาสตร์ของ วัน แชมเปียนชิพ ก็ย่อมตกเป็นของประเทศไทยอยู่ดี แต่เมื่อครั้งนี้เป็นคราวของ เพชรมรกต ที่ได้แบกเข็มขัดอันทรงเกียรติกลับประเทศ เราคนไทยก็ขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่เขาได้ทำหน้าที่ตัวแทนของประเทศอย่างสุดความสามารถ

“ผมรู้สึกดีใจครับที่ได้เป็นแชมป์โลกของ วัน แชมเปียนชิพ เพราะมันเป็นความใฝ่ฝันของผม และเชื่อว่านักมวยทุกคนที่มายืนในจุดนี้ก็คงมีความรู้สึกเดียวกัน”

“ผมขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้การสนับสนุน และต้องขอบคุณทุกคำติชมซึ่งทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีจุดบกพร่องอะไร และผมก็จะนำไปพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปครับ”

“ในฐานะแชมป์โลก ONE ผมสัญญาว่าผมจะรักษาเข็มขัดเส้นนี้ให้อยู่กับประเทศไทยนานที่สุดครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน