เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงเช้ามีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพ เดินทางมาพร้อมกับพวงมาลัยดอกไม้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นับเป็นวันที่ 7 หลังจากเปิดให้ประชาชนได้ถวายสักการะ โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้เตรียมพานจำนวน 9 พานวางไว้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อใช้สำหรับถวายพวงมาลัยและดอกไม้สด โดยเจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมากั้นตั้งแต่จุดคัดกรองบริเวณประตูท่าช้างจนถึงถนนหน้าศาลหลักเมือง เพื่อแบ่งเลนถนนให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เปิดจุดคัดกรองทั้ง 2 จุด ที่บริเวณ ประตูท่าช้างและประตูคัดกรองริมคลองหลอดระหว่างถนนศาลหลักเมือง และกระทรวงกลาโหม
น.ส.ปวีณา เปียทอง อายุ 63 ปี และนางวณิดา วงษ์สมาน อายุ 67 ปี ข้าราชบำนาญ กรุงเทพฯ ตั้งใจมาถวายดอกไม้ในวันนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีโอกาสเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เนื่องจากอายุมากแล้วจึงยืนต่อแถวเป็นเวลานานไม่ไหว ช่วงนี้เปิดให้ประชาชนมาถวายดอกไม้พวงมาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ จึงถือโอกาสมาให้ได้ ทั้งนี้ ตนประทับในในหลวงร.9 ที่ทรงไม่ถือพระองค์เลย ทรงประทับนั่งกับพื้นดิน เพื่อพูดคุยกับราษฎร จากนี้พวกเราขอมุ่งมั่นทำความดี อยู่แบบพอเพียง อะไรที่พระองค์พระราชทานไว้ก็สืบสานต่อไป
“มาวันนี้นอกจากการถวายดอกไม้แล้ว ยังได้เห็นพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศเป็นครั้งแรก ซึ่งจัดสร้างได้อย่างสมพระเกียรติและรู้สึกขนลุก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยากจะเห็น แต่เราก็ต้องยอมรับและอยู่กับความจริง” นางสาวปวีณาและนางวณิดา กล่าวร่วมกัน
นางสุภัทรา สุขยม (ไรท์) เจ้าของธุรกิจร้านสปา ในเมืองนอร์ทแธมป์ตันเชอร์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ตนเพิ่งจะเดินทางมาจากประเทศอังกฤษถึงเมืองไทยเมื่อวันที่ 16 ต.ค. และจะเดินทางกลับวันที่ 30 ต.ค. โดยเดินทางมาพร้อมกับสามี นายจอน ไรท์ ชาวอังกฤษ รวมถึงลูกชาย และน้องสาว ซึ่งสามีรับข้าราชการมูลนิธิเด็ก ตั้งใจลางานมาเพื่อมาร่วมวางดอกไม้จันทน์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ประเทศไทยโดยตรง พร้อมกับมาทำบุญให้คุณแม่ด้วย
ซึ่งช่วงที่อยู่อังกฤษพอทราบว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตทุกคนร้องไห้เสียใจมาก และไปร่วมกันทำบุญใส่บาตรและทำดอกไม้จันทน์ที่วัดสันติวงศาราม และวัดพุทธประทีป ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และคนไทยที่นั่นรวมถึงพนักงานที่ร้านสปาจะแต่งชุดดำไว้ทุกข์เพื่อถวายความอาลัยต่อพระองค์ท่านด้วย ส่วนตัวแม้ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน แต่ก็ยึดหลักคำสอนเรื่องความพอเพียงของในหลวง ร.9 มาใช้ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ยึดความเป็นไทยในร้านก็จะมีรูปในหลวง ร.9 ซึ่งต่างชาติจะรู้จักกันดีก็รู้สึกภูมิใจและรักพระองค์ท่านมาก
ด้านนายจอน ไรท์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวตนไม่เคยได้รู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่เท่าที่เห็นคนไทยในต่างประเทศมีรูปในหลวง และที่บ้านของตนในอังกฤษภรรยาก็มักกราบไหว้รูปในหลวงเช่นกัน และเดินทางมาเมืองไทยก็เห็นคนไทยมากราบไหว้ในหลวงเป็นจำนวนมากอีก แสดงว่าในหลวงก็ต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีมากๆ เห็นดวงตาของพระองค์มีความเมตตาและมีบารมีสูงมาก และความดีของพระองค์สามารถมองเห็นได้ด้วยตนเองจากที่พระองค์ท่านทำ โดยเฉพาะเรื่องที่พระองค์ทำให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น แล้วหันมาทำการเกษตรแทน ซึ่งตรงนี้คนทั้งโลกก็รับรู้ได้ในสิ่งที่พระองค์ท่านทำ
ขณะที่ นางเสริมศิริ อุดมรัตนาวิทย์ อายุ 71 ปี เจ้าของธุรกิจร้านขายอะไหล่รถยนต์ ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับลูกชาย 2 คน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว แต่วันนี้ใกล้วันถวายพระเพลิงแล้วจึงอยากนำพวงมาลัยมากราบสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์อีกครั้ง
นางเสริมศิริ กล่าวด้วยว่า ตนได้นำคำสอนของพระองค์มาอบรมสั่งสอนลูกทั้งสองคนให้พอเพียงไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการพนัน และปลูกผักที่หลังบ้านไว้กินเอง ก่อนนี้เคยมอบเงินกับมูลนิธิสายใจไทย 4 แสนบาท และมอบเงินให้กับรพ.จุฬาลงกรณ์ เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวน 1 ล้านบาท ผ่านกาชาดจังหวัดปทุมธานี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลถวาย ช่วงนั้นพระองค์ท่านทรงพระประชวรแล้ว ซึ่งคุณยายป้าเป็นชาวมอญคุณตาเป็นชาวจีนมาอาศัยอยู่ที่เกาะเกร็ด ตั้งแต่ป้ายังเล็กๆ มาอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ พอตนทำธุรกิจหมดหนี้สินแล้วจึงอยากตอบแทนคุณแผ่นดิน และจะทำประโยชน์ให้สังคมแม้พระองค์ท่านจะไม่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีหน่วยงานราชการเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก จนหางแถวยาวไปถึงบริเวณหน้าศาลหลักเมือง และยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ประดิษฐานอยู่ที่บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ด้วยความอาลัยและเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช