คดีอิลลูมินาติ ปฏิบัติการ

ยกก้อนหิน ทุ่มใส่ขา ตัวเอง

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

คดีอิลลูมินาติปฏิบัติการ – ถามว่าเป้าหมายแท้จริงของคำร้องใน “คดีอิลลูมินาติ” ที่ยื่นผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด แล้วไปจบลงที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้นคืออะไร เป็นใคร

เป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็นกรรมการบริหารพรรค

ต้องการให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ต้องการให้ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือแม้กระทั่ง น.ส.พรรณิการ์ วานิช

เรียกว่าต้องการบดขยี้ ต้องการทำลายล้าง

ขณะเดียวกัน คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องและคุ้มครองพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรค ในอีกด้านก็ฉายความเป็นจริงของการเมืองไทยออกมา

ความเป็นจริงนั้นเท่ากับรองรับโดยพื้นฐานว่า การต่อสู้ทางการเมืองในแบบของพรรคอนาคตใหม่เป็นการต่อสู้บนกฎกติกาเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้

ทั้งๆ ที่เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจ

นับแต่จัดตั้งพรรคและเข้าสู่สนามการเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่สู้ในกรอบนี้มาโดยตลอด แม้ว่ากฎกติกานี้จะสร้างความเสียเปรียบให้กับพรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างมากก็ตาม

เรื่องนี้ กกต.จะตอบได้เป็นอย่างดีว่าเสียเปรียบอย่างไร

เมื่อพรรคอนาคตใหม่ เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยืนหยัดสู้บนหลักการสงบสันติมาโดยตลอด แล้วมีใครกัน เล่าที่มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ครูด้านกลับจากสำนวน “คดีอิลลูมินาติ” ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้ว ฝ่ายที่ทำลายล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยโดยต่อเนื่อง

คือ กลุ่มบุคคลที่ทำ “รัฐประหาร” ต่างหาก

ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เริ่มต้นก็โค่นล้มทำลายรัฐบาลอันมาจากการเลือกตั้ง

จากนั้นก็ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วก็ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา

นี่คือแนวทางที่นักรัฐประหารกระทำและสืบทอดกันมาตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปี 2490 มาถึงรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดยไม่เคยถูกลงโทษแต่อย่างใด

ปฏิบัติการของสำนวน “คดีอิลลูมินาติ” ที่ต้องการบดขยี้และทำลายล้างพรรคอนาคตใหม่ ทำลายล้าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำลายล้าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล

จึงเท่ากับยกก้อนหินทุ่มใส่ขาตัวเอง

ไม่เพียงแต่เจ้าของคำร้องจะต้องถูกเปิดโปง หากแต่บรรดากลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าของสำนวนคดียังถูกเปิดโปง

เพราะเท่ากับทุ่มใส่ขาของ “นักรัฐประหาร” อย่างตรงตัว