ผู้ว่าประจวบ แจงยิบ คดีลูกจ้างสาว ยักยอกเงินหลวง ระบุสูญถึง39 ล้าน

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ริมถนนสวนสน-อ่าวน้อย ต.ประจวบคีรีขันธ์ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายธีรพันธ์ นันทกิจ นายภิรมย์ นิลทยา นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัด น.ส.เกศริน ภัทรเปรมเจริญ คลังจังหวัด พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดแถลงข่าวคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดฯ โกงเงิน 33.9 ล้านบาท หลังจากถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา

นายพัลลภ กล่าวว่า ได้ลาป่วยและเข้ารับการผ่าตัดตา ในช่วงวันที่ 22-28 มิถุนายน ที่ผ่านมา พอออกจากโรงพยาบาลจึงได้จัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยขอชี้แจง ถึงความเป็นมาเป็นไปในการทุจริตในครั้งนี้ โดยนางสาวขนิษฐา (สงวนนามสกุล) พนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานบริหารการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งบรรจุตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ปัจจุบันอายุ 28 ปี

วันที่รับทราบเหตุการณ์ เกิดจากการที่ธนาคารกรุงไทยสาขาประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสานมาทางสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าหน่วยงานราชการจะนำเช็คมาขึ้นเพื่อเบิกจ่ายเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย แต่ปรากฏว่ามีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย หลังจากนั้นสำนักงานจังหวัดได้ดำเนินการตรวจสอบพบว่า มีเงินสูญหายไปเป็นเงินประมาณ 1 แสนกว่าบาท
สำนักงานจังหวัดได้เรียกนางสาวขนิษฐา มาสอบถามโดยนางสาวขนิษฐา ได้ยอมรับเบื้องต้นว่า ได้กระทำการ ถอนเงินเพื่อนำเงินราชการไปใช้ ส่วนตัว จึงมีการสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นางสาวขนิษฐา รับสภาพเพิ่มเติมอีกว่า ได้กระทำการยักยอกเงิน เบิกเงินทางราชการไปใช้ส่วนตัว ตั้งแต่ประมาณเดือน มิถุนายน 2562 จังหวัดจึงขออนุมัติหมายจับ ตำรวจได้เข้าควบคุมตัว

หลังจากนั้นจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 2 ชุดชุดแรกเป็นคณะกรรมการสอบวินัยความผิดร้ายแรงในระบบราชการ และได้มีการเสนอคำสั่งไล่ออกจากราชการแล้ว ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการควบถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ และอีกคณะสอบถึงวิธีการกระทำผิด

จริงๆแล้วในทุกสำนักงานราชการใช้ระบบ GFMIS ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงการคลัง ในการเบิกจ่ายเงิน ต่างๆของทางราชการ ผู้มีสิทธิ์เข้าไปใช้ระบบในฐานะผู้ปฏิบัติและในฐานะผู้อนุมัติ พบว่านางสาวขนิษฐา ใช้บัตรของผู้เกี่ยวข้องในการสแกนเข้าระบบเพื่อเบิกจ่าย ในขณะนี้ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธาน สอบจากคำรับสารภาพและจากเอกสารต่างๆ เชื่อได้ว่า ในกระบวนการทุจริต น่าจะทำคนเดียว

ในการสอบข้อเท็จจริงการทุจริตพบว่า เริ่มเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 ที่นางสาวขนิษฐา ทำบัญชีหลักการขายขึ้นมา ใช้ชื่อของมารดาตนเองมาทำบัญชีหลัก ซื้อขายในระบบ จากนั้นได้มีการเริ่มทำการทดลองโอนเงินเข้า 100,000 บาท ในระบบไปยังบัญชีหลักผู้ขายซึ่งเป็นบัญชีของแม่ และนำเงินไปใช้ส่วนตัวเล่นการพนัน โดยในปี 2562 มีการทำผิดประมาณ 7-8 ครั้ง และหยุดไป

เริ่มอีกทีเมื่อปีงบประมาณ 2563 และทำต่อเนื่องมา เป็นการทุจริตลักษณะใหม่ซึ่งกระทำจากออนไลน์ในระบบ ใช้การทำงานในระบบสามารถเข้าไปสู่ข้อมูลได้ และมีการใช้เช็คมีการปลอมลายเซ็นของผู้มีอำนาจ ก็คือหัวหน้างานระดับจังหวัด ในการเบิกจ่าย เบื้องต้นพบว่ามีการนำเงินออกไป 39,221,151.50 บาท แต่ที่ตรวจพบขณะนี้มีอยู่ 34,786,750 บาท

นายพัลลภ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นอาจจะเกิดจากผู้บังคับบัญชาของนางสาวขนิษฐา ไว้วางใจหรืออาจไม่ชำนาญการในการใช้ระบบ จึงได้มอบบัตร 2 ใบ ให้เจ้าตัวใช้ดำเนินการผ่านเครื่องมือไม่ว่าจะเป็นสัญญาการอนุมัติและการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กำลังสอบขยายผลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขึ้นมา ตั้งแต่หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าสำนักงาน

ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาโอนเงินเข้าไปในบัญชีของตัวเอง 14 บัญชี จำนวน 166 ครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 39,951,750,50 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้โอนเข้าไปหมุนเวียนในวงการพนันในเว็บไซต์การพนันออนไลน์

ส่วนข้อกล่าวหาประกอบด้วย 1.เป็นเจ้าพนักงานหรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด 2.เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำหน้าที่เงินฝากถอนข้อความและเอกสารดูแลรักษาเอกสารทำการปลอมเอกสารโดยใส่ชื่อบุคคลที่มีอำนาจ

3.ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นเงินของทางราชการโดยใช้กลอุบาย 4.เป็นความผิดฐานทำให้เสียหายทำลายนำไปเสีย ทำให้สูญหายและประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และ5.ปลอมเอกสารของทางราชการอันเป็นเท็จ

ซึ่งขณะนี้ดำเนินการสอบสวนผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ โดยสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 4 ปาก ซึ่งได้ดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารของผู้หา และญาติของผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว มีเงินติดบัญชี 791,980 บาท และดำเนินการอายัดบัญชีที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการพนัน จำนวน 7 บัญชี

โดยได้แจ้งเลขาธิการ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดและขณะนี้ได้แต่งตั้งชุดติดตามสืบสวนเจ้าของบัญชี การพนันออนไลน์เพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน