ยุติธรรม แถลงยึดทรัพย์ เครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงาน ปปง. แถลงผลงานบูรณาการยึดทรัพย์สิน ในการตัดเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด พร้อมโชว์ผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกว่า 70 ล้านบาท ยอดเงินหมุนเวียนในเครือข่ายกว่า 5,000 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประชุมเกี่ยวกับเรื่องของการปราบปรามการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดที่กระทรวงยุติธรรม และมอบนโยบายในหลายแนวทาง โดยเน้นเรื่องของการยึดทรัพย์สิน เพื่อสกัดกั้นหรือตัดวงจรการค้าของเครือข่ายยาเสพติด

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนในนามผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีอำนาจในการตั้งคณะกรรมการคณะทำงานต่างๆ จึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด เหมือนเป็นอนุกรรมการ มีนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานศูนย์และได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนทางการเงิน เพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ที่มีนายอุทัย สินมา รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังวันที่ 7 ก.พ. ที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายทำให้งานที่มีเปลี่ยนเป็นมุ่งเน้นการขยายผลการทำธุรกรรมทางการเงิน หากจับได้หนึ่งคดีอาจจะไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องไปยังการทำธุรกรรมการเงินได้ ขณะนี้จึงได้ทดลองว่า ในหนึ่งคดีจะให้ผู้ที่เชี่ยวชาญในการสืบสาวคดีต่างๆ หาเส้นทางทางการเงินของบัญชี

เช่น กรณีเครือข่ายยาเสพติดรายหนึ่งที่สามารถตรวจสอบบัญชีได้เป็นพันๆ บัญชี มีเงินโอนผ่านบัญชีได้กว่า 5,000 ล้านบาท ในปี 2561 แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินยังอยู่ในบัญชี เพราะเป็นลักษณะน้ำไหล เราจะสกัดกั้นหรือเอาน้ำที่ไหลผ่านตรงนั้นมาเป็นของหลวงเสียให้หมด เราจะทำได้อย่างไร นี่จึงเป็นคำถามที่คณะทำงานด้วยกันและสังคมทั่วไปตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไร จึงจำเป็นต้องมีการแก้ระเบียบกฎหมายต่างๆ อีกมากมาย เพื่อดำเนินการตรงนี้

แต่ระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของกฎเกณฑ์หรือวิธีการรูปแบบใหม่ แต่เราจะทำไปให้ได้ อาจจะต้องใช้คอนเน็คชั่นส่วนตัวของผู้ที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานและไปสกัดกั้นในเรื่องของการสื่อโอนย้ายอายัดทรัพย์สินต่างๆ แล้วลูกหลานของคนไทยจะต้องพิกลพิการไปไม่รู้กี่คนจากการเสพยาเสพติด เราจึงต้องบูรณาการร่วมกัน จึงเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่จะมีการเพิ่มเข้าไป เพราะดีเอสไอสามารถสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อนที่คดีจะเกิดขึ้นได้

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า เครือข่ายที่มีการยึดทรัพย์ คือ 1.เครือข่ายนายอดิศักดิ์ พื้นที่ กทม.- นนทบุรี อายัด 2.09 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน 2.เครือข่าย นายสุทธิชัย จ.เชียงราย-ตาก พบการหมุนเวียน 425 บัญชี วงเงิน 3,300 ล้านบาท 3.นายอรรถพล จ.สงขลา พบเงินหมุนเวียน 285 บัญชี มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท 4.เครือข่ายนายสมเกียรติ ปัจจุบันถูกจับขังที่ท่าขี้เหล็ก อายัดได้ 45 ล้านบาท และ 5.เครือข่ายจางซื่อ คนจีน ที่จังหวัดเพชรบุรี จับแล้วยึดได้กว่า 130 ล้านบาท และจะอายัดเพิ่ม 14 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า สำหรับเครือข่ายค้ายาเสพติดมีแหล่งผลิตอยู่นอกประเทศไทย ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีแหล่งผลิตยาเสพติด โดยการนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีการนำเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดส่งต่อกันเป็นทอดๆ โดยใช้บัญชีการเงินเป็นตัวกลางในการใช้จ่ายในเครือข่าย

โดยส่วนใหญ่แล้ว การนำเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเรื่องของความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งจะต้องใช้ พ.ร.บ.มาตรการการฟอกเงิน 2542 เพื่อตัดและทำลายวงจรนี้ ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ปฎิบัติตามคำสั่งที่ 6/2563 ในการเข้าจับกุมครั้งนี้ มี 3 เครือข่าย 27 เป้าหมายบุคคล 15 จุด ปฏิบัติการ คือ จังหวัดเชียงราย 12 จุด เชียงใหม่ 1 จุด ตาก 1 จุด และสระบุรี 1 จุด สามารถยึดทรัพย์สินได้จำนวน 23 ล้านบาท อายัดบัญชีที่ใช้ในการฟอกเงิน 715 บัญชี พบการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท

ขณะที่ นายเทพสุ บวรโชติดารา ผู้อำนวยการกองข่าวกรองทางการเงิน สำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ข้อมูลที่ ปปง. ตรวจพบในการรับโอนเงินผ่านช่องทางทาง EDM ATM E-Banking มากกว่า 100 รายการ ใน 1 เดือน มีการถอนเงินออกผ่านช่องทางเอทีเอ็ม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนทางภาคเหนือพื้นที่เสี่ยง ซึ่งมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน