นิโคล น้ำตาแตก เห็นความสำเร็จของ ทิกเกอร์ แมว ชมลูกพิสูจน์ตัวเอง ดีใจที่เดินทางมาถึงวันนี้ ในวันที่พ่ออายุเท่าหนู ยังทำไม่ได้แบบนี้

นานๆ จะได้เห็น แมว จิรศักดิ์ – นิโคล เทริโอ และลูกชาย ทิกเกอร์ อชิระ 3 คน พ่อแม่ลูก ยืนให้สัมภาษณ์ร่วมกัน แต่ล่าสุดลูกชายคนเก่งน้องทิกเกอร์ ขึ้นเวทีเดบิวต์ ในงาน TIGGER DEBUT SHOWCASE ที่ เซ็ลทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ฮอลล์ คุณพ่อคุณแม่จึงมาให้กำลังใจแบบติดขอบเวที หลังจากจบโชว์ทั้ง 3 คนได้ มาเปิดใจถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า

แมว “ดีใจที่ทิกเกอร์เดินทางมาถึงวันนี้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก กับคำที่บอกว่าแน่ละสิ ก็เพราะมีคุณพ่อคุณแม่ เขาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยระยะเวลา 3 ปี ฝึกฝนอย่างหนัก โทรไปหาเขาไม่ค่อยรับสายเพราะว่าติดซ้อม จนถึง 4-5 ทุ่ม เราได้แต่ให้กำลังใจลูก จนมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันสุดยอดมาก ในวันที่พ่ออายุเท่าหนู พ่อยังทำไม่ได้แบบนี้ ไม่ได้ฝึกแบบหนู พ่อภูมิใจในตัวลูกมากๆ”

นิโคล “(ร้องไห้) ร้องเก่ง คือก่อนหน้านี้เขาไม่ให้ดูเลย วันนี้เลยเซอร์ไพรส์ เขาให้มาส่งแต่ไม่ให้อยู่ดูตอนซ้อม ให้มาดูตอนโชว์เลย พอมาเห็นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดีใจกับทิกเกอร์และยินดี กี้เห็นความเหนื่อย เพราะเขาต้องเรียนและฝึกซ้อมไปด้วย คือ 3 ปี เห็นเขาพัฒนา ไม่คิดว่าทิกเกอร์จะเต้นได้ขนาดนี้ อันนี้คือเซอร์ไพรส์มากๆ ขอให้ทิกเกอร์ประสบความสำเร็จ เพราะว่าทิกเกอร์ตั้งใจจริงๆ มามี้ แดดดี๊ภูมิใจมากๆ”

ตอนที่เห็นน้องร้องเพลงเปรี้ยวใจ รู้สึกอย่างไร?

นิโคล “เปรี้ยวใจเป็นเพลงที่น่ารัก แต่ทุกครั้งที่ร้องเพลงของพี่แมวน้ำตาแตกทุกครั้ง เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่กี้ชอบมากและชอบมานานแล้ว”

แมว “รู้สึกประทับใจ มันถึงเวลาที่เรามานั่งดูลูกแล้ว เพลงของเราถูกถ่ายทอดออกมาอีกรูปแบบหนึ่ง ในความเป็นตัวของเขา ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน เขาก็จะชอบเล่นเพลงนี้ให้เราฟัง และถามในเรื่องของทฤษฎีดนตรีและการอัดเสียงเพลงนี้ และเพลงนี้เขาก็เรียบเรียงดนตรีเองในแบบที่เขาชอบ และอยากให้มันเป็น และเขาทำได้ดีมาก”

นิโคลจำวันแรกที่เขาจะไปเดบิวต์ได้ไหม เขามาบอกอะไรกับเราบ้าง?

นิโคล “วันนั้นเราเข้าไปแกรมมี่ แค่ได้เข้าไปเป็นเด็กฝึก กี้ก็ตื่นเต้นมาก มันเป็นก้าวแรก ได้ไม่ได้มันขึ้นอยู่กับทิกเกอร์แล้ว เพราะว่าการเป็นเด็กที่แกรมมี่ ถ้าทำไม่ได้ดี ตามที่เขาจะพัฒนา เขาจะเข้มงวดมากจะมีการสอบทุกครั้ง และมีการคัดออก เพราะฉะนั้นใน 3 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสที่เขาจะถูกคัดออกได้ ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจ อ้าว ทิกเกอร์พูดบ้าง”

ทิกเกอร์ “ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ตอนที่ไปเดบิวต์เรากลับบ้านด้วยกัน ผมกับคุณแม่ เรารู้สึกว่าเขาจะตอบมาอย่างไร ผ่าน ไม่ผ่าน ตอนเขาโทรกลับมา เรากรี๊ดกันอยู่ในรถ แล้วผมก็โทรหาคุณพ่อ”

แมว “ผมได้ทราบหลังจากที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาระดับนึง ในวันที่เขาตัดสินใจไปเรายังไม่รู้เรื่อง เรารู้วันที่เขาผ่านมาแล้ว เราก็อึ้ง และดีใจกับเขาด้วย และมันก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เด็กคนนี้ดังง่ายหรือว่าดังชั่วข้ามคืน คำนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะว่าทิกเกอร์ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วดัง แต่เขาผ่านการซ้อม ผ่านอะไรมาอย่างหนักหน่วง เขามีอะไรบางอย่างที่เขาอยากจะพิสูจน์ ลูกแมว ลูกนิโคลไม่เกี่ยว”

ทิกเกอร์กดดันกับคำว่าลูกแมว ลูกนิโคลไหม?

ทิกเกอร์ “ไม่ครับ ผมรู้สึกเจ๋งมาก ชื่อพี่แมว ชื่อพี่นิโคล เป็นตำนานของแกรมมี่ และการที่ผมเป็นลูกของเขา ผมรู้สึกว่าโชคดีที่มีครอบครัวที่มิวสิคัล มีประสบการณ์ในวงการเพลงแบบนี้ ซึ่งผมได้เรียนรู้อะไรมากในวงการเพลงจากพ่อและแม่ของผม”

 

พ่อแม่เป็นศิลปินเราไม่มีความกดดันว่าเราต้องทำได้?

ทิกเกอร์ “ตอนเด็กๆ แอบมีบ้าง เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นตำนานขนาดนี้ ตอนเด็กๆ คิดว่าถ้าผมเป็นศิลปิน จะทำได้ไม่ดีเท่าพ่อแม่ไหม แต่ตอนนี้ผมรู้ว่ามันเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นคนละแนว เปรียบเทียบไม่ได้ ผมรู้สึกแฮปปี้ที่มีการเปรียบเทียบ เพราะถ้ามีคนบอกว่า โอ้! นั้นลูกพี่แมว ร้องเกือบเหมือนพี่แมว จริงๆ มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ผมโชคดีมากๆ และแฮปปี้ที่ผมมีพ่อแม่”

วันนี้ลูกเป็นศิลปินแล้ว เราให้กำลังใจยังไงบ้าง เพราะคนจับตามองเยอะ?

นิโคล “กี้เชื่อว่าในเส้นทางที่เขาฝึกมา 3 ปีกว่า เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ว่าพ่อแม่เป็นแรงบันดาลใจในตอนแรก เป็นความคุ้นเคย ดูคอนเสิร์ตเรามาตั้งแต่เด็ก โตมากับเสียงเพลง เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทิกเกอร์คือตัวเขาเอง แล้วมีพ่อแม่ที่ซัพพอร์ตแล้วก็รัก เรื่องคำสอน หรือคำเตือน ไม่มีค่ะ ถ้าทิกเกอร์ถาม เราก็จะเล่าในยุคของกี้ว่าเจออะไรมาบ้าง เป็นยังไงบ้าง มันมีขึ้น มีลง แล้วให้เขาไปตีความหมาย ไปคิดเอง”

แมว “ทิกเกอร์โตแล้ว เขาสามารถที่จะคิดอะไรต่างๆ ด้วยตัวเอง แล้ววันนึงที่ทิกเกอร์ต้องการคำปรึกษาเราก็พร้อม อยากให้ลูกคิดว่าเราเป็นเพื่อน เขาจะปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องอื่นๆ”

มีการบอกกันไหมว่าการเป็นนักร้องที่ดีต้องทำยังไง?

แมว “สิ่งที่ดีที่สุดอย่าดูพ่อเป็นตัวอย่าง (หัวเราะ) จะบอกว่าสิ่งที่ลูกทำอยู่นี้ดีอยู่แล้ว รักษามาตรฐานนี้ ทั้งมาตรฐานในการทำงาน และมาตรฐานในเรื่องของจิตใจ ตอนนี้ทิกเกอร์เป็นเด็กที่น่ารัก ทุกคนให้ความเอ็นดู และเชื่อว่ามันไม่ดร็อปอยู่แล้ว เพราะว่าทีมงานทั้งบริษัท และทั้งพ่อแม่คอยดูแลและสนับสนุนตลอดเวลา”

ทิกเกอร์เอาอะไรในตัวพ่อแม่เป็นตัวอย่าง?

ทิกเกอร์ “คุณแม่มีการเอ็นเตอร์เทน มีเอ็นเนอร์จี้ที่สดใสตลอดเวลา ผมรู้ผมมีความสดใส ผมอยากมีชีวิตที่เชิงบวกตลอดเวลาครับ สำหรับคุณพ่อผมมีแรงบันดาลใจในเรื่องดนตรีของคุณพ่อ กับเสียงกีต้าร์ เสียงเพลง การสื่อสารอารมณ์ วิธีการควบคุมตัวเองให้ได้ ผมจะพยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลาครับ”

แมวเองทำเบื้องหลังให้ศิลปินหลายคน แต่กับลูกทำไมเราปล่อยให้เขาทำเอง?

แมว “ปล่อยเลยครับ ตั้งแต่เด็กเลย เขาเป็นเด็กที่เก็บข้อมูล แอบเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง กว่าที่เขาจะพูดกับพ่อแต่ละที เราก็คิดว่าลูกเราพูดได้หรือเปล่า (หัวเราะ) จนเขา 3 ขวบ ถึงจะเริ่มพูดเป็นเรื่องเป็นราว พอเขาพูด เราถึงได้รู้เขาคิด ทุกอย่างผ่านการคิด ตอนที่เขาเล่นกีต้าร์เขาก็ไปเรียนของเขาเอง เรารู้จากกี้ว่าวันนี้ลูกมีโชว์ที่โรงเรียน ยังตกใจว่าเขาเล่นกีต้าร์ เรื่องเพลงเขาทำของเขาเอง เขาเป็นเด็กที่ชอบพิสูจน์ตังเอง”

ซิงเกิลที่สองเราอยากทำให้ลูกไหม?

แมว “ไม่กล้าอาสา เพราะเขามีรายมือของเขา เดี๋ยวเราจะไปใส่ความเป็นตัวเราในเพลงของเขาเกินไป นอกเสียจากว่าเขาต้องการเอง เขาจะพูดเอง”

มาถึงจุดนี้แล้วเราอยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่?

ทิกเกอร์ “ขอบคุณมากๆ ครับ ที่สนับสนุนผมตลอด ทุกอย่างที่ผมทำ เดี๋ยวผมจะพัฒนาตัวเองต่อไป ผมอยากทำให้มันเต็มที่มากๆ ครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน