จากกรณีนางไขศรี ศิรินำบุญทวี นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ โรงพยาบาลอุดรธานี แจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กหญิงอายุ 1 ปี 4 เดือน ที่เข้ารักษาตัวด้วยอาการหมดสติ หลับปลุกไม่ตื่น โดยอาการแล้วถึงขั้นโคม่า ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลอุดรธานี ซึ่งพ่อกับแม่ของเด็กแจ้งว่าลูก วิ่งชนตู้

สภาพภายในบ้านของด.ญ.วัย1ขวบที่ถูกทำร้ายจนอาการโคม่า

หลังจากที่แพทย์ทำการตรวจรักษาพบว่า กะโหลกศีรษะร้าว มีเลือดออกในสมอง ภายนอกศีรษะบวมปูดหลายแห่ง ลิ้นช้ำแดงอักเสบ ทำให้ต้องรักษาตัวในห้องไอซียูเด็กเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งขัดกับคำให้การที่พ่อแม่ของเด็กอ้างว่าลูก วิ่งชนตู้ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่โรงพยาบาลอุดรธานี นางสมศรี สิงห์สุวรรณ หัวหน้าศูนย์พึ่งได้ พร้อมด้วย นางไขศรี และทีมสหวิชาชีพ ได้เรียกตัวพ่อของเด็กคือนายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และน.ส.ณัฐริกา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ชาวจ.อุดรธานี มาสอบปากคำเพื่อประเมินเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น นางไขศรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นพบว่า พ่อของเด็กเคยเสพสารระเหยมาตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยล่าสุดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา นายเอได้ทำร้ายภรรยาด้วยการตบหน้าหลายครั้ง และจับศีรษะโขกกับพื้นจนศีรษะแตก

ด.ญ.1ขวบอาการโคม่า โดยพ่ออ้างว่าลูก วิ่งชนตู้

นางไขศรี กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่พยายามสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากนายเอว่าไม่ได้ทำร้ายลูกตัวเอง แต่เมื่อใช้คำถามเดิมเพื่อตรวจสอบว่าสภาพจิตดีหรือไม่ ปรากฏว่า เป็นการตอบคำถามที่ไม่ตรงกันเลยทั้ง 3 ครั้ง จึงมั่นใจว่าสมองอาจจะถูกสารระเหยทำให้เกิดอาการหลอนก็เป็นได้ โดยในวัน 4 มิ.ย.นี้ จะให้นายเอเข้าพบจิตแพทย์ของโรงพยาบาล เพื่อตรวจสภาพจิต

นางไขศรี กล่าวต่อว่า ทีมสหวิชาชีพได้ลงมติกันว่าจะต้องแยกเด็กออกจากครอบครัว หากไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ แต่แม่ของเด็กบอกว่า จะขอดูแลและเอาเด็กกลับไปบ้านเลี้ยงดูเองหากอาการดีขึ้นแล้ว แต่ ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี (พมจ.อุดรฯ) ต้องให้ทำสัญญาร่วมกันและเซ็นรับทราบข้อปฏิบัติก่อนการรับเด็กกลับไปดูแล

พ่อและแม่วัยใสเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ปากคำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“หากผิดเงื่อนไขที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการเลี้ยงดูเด็ก หากไม่ปฏิบัติตามก็จะต้องถูกแยกเด็กออกมาทันที โดยจะมีเจ้าหน้าที่ อสม. และพยาบาลของโรงพยาบาลน้ำโสม เป็นผู้ประเมินผล ส่วนด้านข้อกฎหมายของการกระทำผิดนั้น ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายตำรวจที่จะเข้าดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย” นางไขศรี กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.อาลักษณ์ เจริญธนกุล ผกก.สภ.น้ำโสม ว่า ทีมสืบสวนสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากพยานแวดล้อม ที่มีทั้งพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่ดูแลนายพิพัฒน์พงษ์ รวมไปถึงบ้านข้างเคียง เพื่อจะได้ทราบถึงพฤติกรรม ความรุนแรง เพื่อจะดำเนินการเอาผิดได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน