นายกสมาคมรถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมวินจยย.เอ็มอาร์ที เพชรบุรี โร่ร้องปอท.หลังถูกวินคู่กรณีไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่กองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายเฉลิม ช่างทองมะดัน อายุ 53 ปี นายกสมาคมรถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มวินจยย. MRT เพชรบุรีกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผกก.(สอบสวน) บก.ปอท. ร.ต.อ.เครือณรงค์ ขมิ้นเครือ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “เดี่ยว อโศก” ในความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพูดผ่านไลฟ์สดเฟซบุ๊กมีใจความกล่าวหาว่า ทางสมาคมรับผลประโยชน์จากวินจักรยานยนต์รับจ้าง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

นายเฉลิม ระบุว่า เรื่องเกิดเมื่อช่วงวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง วินรถไฟฟ้าใต้ดินหรือเอ็มอาร์ที ซึ่งมีจุดจอดรถอยู่ตรงสถานีเพชรบุรี ประตู 1 และ วินเลิศแก้ว จยย.รับจ้าง ประจำจุดจอดใต้ทางด่วนพิเศษ 2 เกิดการทะเลาะวิวากทำร้ายร่างกายกัน จนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากมีจยย.รับจ้างของวินเลิศแก้วไปจอดรอรับผู้โดยสารในคิวของวินรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที เมื่อเรื่องเกิดขึ้น

นายกสมาคมรถจยย.รับจ้าง ร้องปอท.

ตนในฐานะนายกสมาคมฯ จึงตรวจสอบพบว่ามีการทำพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงเเนะนำให้วินเลิศแก้วจอดรถในจุดรอผู้โดยสารของตัวเอง ก่อนพาผู้ขี่รถจักรยานยนต์วินเอ็มอาร์ที ไปร้องเรียนสำนักงานเขตห้วยขวาง รวมทั้งลงบันทึกประจำวัน เป็นเหตุให้ฝ่ายของวินเลิศแก้วไม่พอใจ นำไปสู่การไลฟ์สดกล่าวเพื่อกล่าวหา ทางตนและสมาคมดังกล่าว

ภาพวงจรปิดขณะทั้ง 2 วินจยย.ทะเลาะวิวาท

นายเฉลิม ยืนยันว่า ทางสมาคมฯไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ และไม่ได้ตั้งสมาคมฯมาเพื่อหาเงินไปใช้ส่วนตัว แต่มีเพื่อช่วยเหลือผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างวินที่เดือดร้อน และได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ขณะที่นายปันจา (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างวินเอ็มอาร์ที ที่ได้รับบาดเจ็บ ยืนยันว่า เรื่องความขัดแย้งของ 2 วินมีมานานกว่า 5 ปี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เรียกไปพูดคุยหลายครั้งแล้ว แต่พวกตนกลับรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งยังถูกข่มขู่จากคู่กรณี รวมทั้งยังมีพฤติกรรมมาจอดรถในจุดรอรับผู้โดยสารของวินตนมาเป็นเวลานาน และวันนี้พวกตนมาเพื่อยืนยันว่าทางสมาคมฯไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากพวกตน โดยในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ทางคณะอนุกรรมการประจำท้องที่จะเรียกไปสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนเบื้องต้นพบว่า เข้าข่ายคดีหมิ่นประมาท จึงดำเนินการส่งเรื่องกลับให้ สน.มักกะสัน ซึ่งเป็นท้องที่เกิดทำการขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน